ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา วางแผนจับกุม 2 ชาวต่างชาติ ก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ และข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองสาวเจ้าของร้านอาหารรัสเซียในเมืองพัทยา เผยพฤติกรรมมักอ้างตนเป็นมาเฟีย เพื่อเรียกค่าคุ้มครองจากชาวต่างชาติ
พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บังคับการ สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พ.ต.ท.วสุ แสงสุขใจ รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พ.ต.ท.อรุณ พร้อมพันธุ์ สารวัตรสืบสวน พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ ผู้กำกับการ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายมาเลน พิลแมน (Mr.MarlenPilman) อายุ 37 ปี ชาวออสเตรเลีย และนายยาโรวึย ดมิโตร (Mr.IarovyiDmytro) อายุ 36 ปี ชาวยูเครน 2 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุกรรโชกทรัพย์เจ้าของร้านอาหารรัสเซีย พร้อมของกลางเงินสด 4,000 บาท และกระเป๋าสตางค์สีดำยี่ห้อบอส 1 ใบ
โดย พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บังคับการ สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว เผยว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาได้รับแจ้งจากนางวารี ดิททา อายุ 30 ปี เจ้าของร้านอาหารรัสเซีย Heat-7 ตั้งอยู่เลขที่ 98/113 ซอยเกษตรสิน 3 พัทยาใต้ หมู่ 12 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง ว่าได้ถูก นายมาเลน และนายยาโรวึย กรรโชกทรัพย์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นางวารี ซึ่งมีสามีเป็นชาวรัสเซีย ได้ติดป้ายประกาศรับสมัครไกด์รัสเซียนำนักท่องเที่ยวมารับประทานอาหารที่ร้านโดยจะให้ค่าคอมมิชชันตอบแทน
ต่อมา นายมาเลน และนายยาโรวึย ได้มาติดต่อพร้อมกับบอกว่า สามารถนำชาวรัสเซียมารับประทานอาหารที่ร้านได้ โดยจะคิดค่าคอมมิชชันจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ของค่าอาหาร และทางนางวารีเจ้าของร้านได้ตอบตกลง จากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านเป็นประจำโดยไม่ได้ชำระเงิน และให้ลงบิลไว้เพื่อหักจากค่าคอมมิชชัน
แต่เนื่องจากระยะหลังทั้งคู่มีพฤติกรรมโอ้อวดว่าตนเองเป็นมาเฟียใหญ่ในเมืองพัทยา และมีพรรคพวกเป็นนายตำรวจ พร้อมข่มขู่ให้นางวารีเตรียมเงินจำนวน 20,000 บาท เพื่อเป็นค่าคุ้มครอง และค่าคอมมิชชัน หากไม่จ่ายจะพาพวกบุกพังร้าน และจะปล่อยข่าวทำให้ร้านเสียชื่อเสียง
ซึ่งในวันเดียวกัน นายมาเลน ได้โทรศัพท์มาบอกว่าจะเข้ามาเอาเงินจากนางวารี ทำให้นางวีนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และวางแผนให้นางวารี นำเงินสดจำนวน 4,000 บาทที่ถ่ายเอกสารไว้เป็นหลักฐาน มอบให้แก่ 2 ชาวต่างชาติ โดยอ้างว่าเงินส่วนที่เหลือจะจ่ายให้ภายหลัง และเมื่อทั้งสองรับเงินเป็นที่เรียบร้อย ตำรวจที่ซุ่มอยู่ใกล้เคียงจึงแสดงตัวเข้าจับกุม
โดยนายมาเลน และนายยาโรวึย ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมอ้างว่า นางวารี ติดหนี้ตนเองอยู่ และเงินที่ได้รับเป็นเงินที่นางวารีนำมาใช้หนี้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ทั้งคู่เดินทางเข้ามาอยู่ในเมืองพัทยานาน 5 ปีแล้ว จนสามารถพูดไทยได้ชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมชอบข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากผู้ประกอบการสถานบันเทิง หรือร้านอาหารในเมืองพัทยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย โดยภายหลังการสอบสวนเบื้องต้น ได้แจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บังคับการ สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พ.ต.ท.วสุ แสงสุขใจ รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พ.ต.ท.อรุณ พร้อมพันธุ์ สารวัตรสืบสวน พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ ผู้กำกับการ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายมาเลน พิลแมน (Mr.MarlenPilman) อายุ 37 ปี ชาวออสเตรเลีย และนายยาโรวึย ดมิโตร (Mr.IarovyiDmytro) อายุ 36 ปี ชาวยูเครน 2 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุกรรโชกทรัพย์เจ้าของร้านอาหารรัสเซีย พร้อมของกลางเงินสด 4,000 บาท และกระเป๋าสตางค์สีดำยี่ห้อบอส 1 ใบ
โดย พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บังคับการ สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว เผยว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาได้รับแจ้งจากนางวารี ดิททา อายุ 30 ปี เจ้าของร้านอาหารรัสเซีย Heat-7 ตั้งอยู่เลขที่ 98/113 ซอยเกษตรสิน 3 พัทยาใต้ หมู่ 12 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง ว่าได้ถูก นายมาเลน และนายยาโรวึย กรรโชกทรัพย์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นางวารี ซึ่งมีสามีเป็นชาวรัสเซีย ได้ติดป้ายประกาศรับสมัครไกด์รัสเซียนำนักท่องเที่ยวมารับประทานอาหารที่ร้านโดยจะให้ค่าคอมมิชชันตอบแทน
ต่อมา นายมาเลน และนายยาโรวึย ได้มาติดต่อพร้อมกับบอกว่า สามารถนำชาวรัสเซียมารับประทานอาหารที่ร้านได้ โดยจะคิดค่าคอมมิชชันจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ของค่าอาหาร และทางนางวารีเจ้าของร้านได้ตอบตกลง จากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านเป็นประจำโดยไม่ได้ชำระเงิน และให้ลงบิลไว้เพื่อหักจากค่าคอมมิชชัน
แต่เนื่องจากระยะหลังทั้งคู่มีพฤติกรรมโอ้อวดว่าตนเองเป็นมาเฟียใหญ่ในเมืองพัทยา และมีพรรคพวกเป็นนายตำรวจ พร้อมข่มขู่ให้นางวารีเตรียมเงินจำนวน 20,000 บาท เพื่อเป็นค่าคุ้มครอง และค่าคอมมิชชัน หากไม่จ่ายจะพาพวกบุกพังร้าน และจะปล่อยข่าวทำให้ร้านเสียชื่อเสียง
ซึ่งในวันเดียวกัน นายมาเลน ได้โทรศัพท์มาบอกว่าจะเข้ามาเอาเงินจากนางวารี ทำให้นางวีนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และวางแผนให้นางวารี นำเงินสดจำนวน 4,000 บาทที่ถ่ายเอกสารไว้เป็นหลักฐาน มอบให้แก่ 2 ชาวต่างชาติ โดยอ้างว่าเงินส่วนที่เหลือจะจ่ายให้ภายหลัง และเมื่อทั้งสองรับเงินเป็นที่เรียบร้อย ตำรวจที่ซุ่มอยู่ใกล้เคียงจึงแสดงตัวเข้าจับกุม
โดยนายมาเลน และนายยาโรวึย ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมอ้างว่า นางวารี ติดหนี้ตนเองอยู่ และเงินที่ได้รับเป็นเงินที่นางวารีนำมาใช้หนี้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ทั้งคู่เดินทางเข้ามาอยู่ในเมืองพัทยานาน 5 ปีแล้ว จนสามารถพูดไทยได้ชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมชอบข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากผู้ประกอบการสถานบันเทิง หรือร้านอาหารในเมืองพัทยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย โดยภายหลังการสอบสวนเบื้องต้น ได้แจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาดำเนินคดีตามกฎหมาย