สระบุรี - เจ้าหน้าที่สำนักอนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เจ็ดคตโป่งก้อนเส้า พบซากเครื่องบินเล็กเซสน่า 172 ตกกลางป่า หายลึกลับนาน 5 ปีแล้ว รอจัดกำลังเจ้าหน้าที่เสริมรุดยืนยันผล
วันนี้ (12 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีนายภาคิน ไทยถนอม อายุ 22 ปี ครูฝึกการบินของบริษัท บางกอกเอวิเอชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด และนายรณพ เหลืองวิลาวัณย์ นักบินฝึกหัดขับเครื่องบินเล็ก ฝึกบิน 2 ที่นั่ง ยี่ห้อเซสน่า 172 จากสนามบินเล็ก ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะมุ่งหน้าสนามบินดอนเมือง กทม.แต่หลังจากขึ้นบินได้ประมาณ 40 นาทีก็ขาดการติดต่อ และหายไปจากจอเรดาร์ในช่วงบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณรอยต่อจังหวัดนครราชสีมา-นครนายก เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2550 โดยในเวลาต่อมา มีการระดมเจ้าหน้าที่ออกค้นหาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่พบร่องรอยนานกว่า 5 ปี
ล่าสุด วันนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ค้นพบซากเครื่องบินลำดังกล่าวแล้ว อยู่ในป่าลึกต้องใช้ระยะเวลาเดินเท้าเข้าไปยังจุดเกิดเหตุถึง 4 ชั่วโมง ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุดกำลังจะเดินทางเข้าไปตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท บางกอกเอวิเอชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ และญาติเพื่อยืนยันการค้นพบครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุในขณะนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก อีกทั้งการเดินทางเข้าไปยังจุดที่เกิดเหตุจะต้องใช้ระยะทางในการเดินเข้าไปไกลถึง 21 กิโลเมตร
พ.ต.อ.จักรกฤช วีระเดช ผกก.สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี แจ้งว่า ได้หลักฐานซึ่งเป็นภาพถ่ายจากนักท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าเป็นภาพเครื่องบินเล็กที่สูญหาย ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2550 โดยจุดที่พบห่างจากสำนักงานอนุรักษ์ที่ 1 กว่า 20 กิโลเมตรในเขตเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตนจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ เดินเท้าเข้าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบแล้ว โดยจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงจึงจะสามารถถึงจุดเกิดเหตุได้และได้เดินทางออกไปตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 น. ล่าสุดยังไม่ออกจากพื้นที่ คาดว่าช่วงเย็นจะออกมาและรายงานข้อเท็จจริงต่อไปว่า ใช่นักบินที่หายสาบสูญจริงหรือไม่
ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ นายอำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี เปิดเผยถึงกรณีพบซากเครื่องบินเล็กที่สูญหายไปในปี 2550 ในเขตเขาใหญ่ว่า มีความเป็นได้สูงที่จะเป็นลำเดียวกันกับเครืองบินที่เกิดอุบัติเหตุสูญหายไป ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.2550 เพราะทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ของแก่งคอยได้เข้าไปพบและถ่ายรูปเครื่องบิน หมายเลขเครื่อง แล้วนำมาเปรียบเทียบกับเครืองบินที่สูญหายแล้วตรงกัน
ดังนั้น ในวันนี้จึงเป็นการเข้าไปในจุดที่เครื่องบินตก ซึ่งห่างจากศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อนำกระดูกของผู้สูญหาย 2 คน กลับมามอบให้ญาติ โดยทีมงานค้นหาจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปลงยังจุดที่ใกล้กับบริเวณที่พบเครื่องบิน จากนั้นแบ่งเป็น 4 ทีม กระจายตัวออกไป เพื่อไปสู่จุดเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าไม่น่าเกิน 16.00 น.จะสามารถนำโครงกระดูกนักบินทั้ง 2 คน กลับมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสายวันนี้ (12 พ.ย.) บิดาและมารดาของนักบินฝึกหัดทั้งสอง พร้อมด้วยญาติๆ ได้เดินทางมาที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯ ซึ่งนายภาสกร บุญลักษณ์ นายอำเภอแก่งคอย พร้อมด้วยนายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯป้องกัน จ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่อาสามสมัคร ได้ประชุมจัดตั้งศูนย์ค้นหาขึ้นที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและภูมิภาค มาติดตามรายงานข่าวกันเป็นจำนวนมาก
นางวรรณี เหลืองวิลาวัณย์ มารดานายรณพ เหลืองวิลาวัณย์ หนึ่งในนักบินที่สูญหาย เปิดเผยว่า ก่อนที่จะได้ข่าวจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ฯว่า มีการพบซากเครื่องบินและโครงกระดูกบุตรชาย ตนและครอบครัวได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 2 เดือนที่แล้วและตนได้ไปเสี่ยงเซียมซี ที่วัดอากากุสะ กรุงโตเกียว ใบเซียมซีดังกล่าวทายว่า ครอบครัวตนจะไดรับข่าวดีในไม่ช้านี้เกี่ยวกับ ญาติพี่น้อง หรือคนที่รักได้จากไปจะได้พบกัน และเมื่อกลับมาไม่นานก็ได้ข่าวดีตามคำทำนายจริงๆ ขณะนี้ ตนก็ได้แต่ตั้งตารอที่จะนำโครงกระดูกลูกชายไปบำเพ็ญกุศลเร็วๆ ส่วนเรื่องอื่นๆคงไว้ว่ากันทีหลัง