ศรีสะเกษ- ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(ปคม.)บุกจับแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ ได้ผู้ต้องหา 33 คน พร้อมรถยนต์ 3 คัน ทั้งหมดเป็นชาวลาวแอบลักลอบเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯและเขตปริมณฑล
เมื่อเวลา 01.45 น. วันที่ 11 พ.ย. 55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณสามแยกหัวช้าง ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(ปคม.) สืบทราบว่า จะมีแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติแอบลักลอบนำเอาชาวลาวเข้ามาในเขตประเทศไทย ที่บริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ธวัชชัย ธารรูป ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการมนุษย์ พร้อมด้วย ร.ต.ต.ประชุม เฉยสวัสดิ์ รองสารวัตร กองกำกับการ 3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งมาติดตามจับกุมแก๊งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ขับรถประกบติดตามแก๊งนี้ออกจาก อ.โขงเจียม จนกระทั่งมาถึงบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งนี้ รถยนต์เป้าหมายทั้ง 3 คัน ได้แวะจอดปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมัน
เมื่อรถยนต์จอดในบริเวณปั๊มน้ำมันแล้ว เจ้าหน้าที่ได้รีบวิ่งบุกเข้าไปทำการจับกุมรถทั้ง 3 คันทันที และจากการตรวจสอบรถทั้ง 3 คัน พบว่า ภายในรถปิกอัพ 2 คัน คือ รถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายเลขทะเบียน ญข 3613 กทม. และรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน ฒฉ 6725 กทม. บรรทุกชาวลาวมาเต็มคันรถ รวมจำนวนทั้งสิ้น 30 คน
พร้อมกับได้ทำการจับกุมคนขับรถปิกอัพ ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายนิวัตร ทองเทพ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม. 2 ต.ตะบ่าย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี เป็นคนขับรถยนต์สำรวจเส้นทางนำหน้า นายวรเทพ ใหม่ไชย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 245 ม.2 ต.โขงเจียง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และนายทองดี อุตราวัน อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 ม.10 ต.สงยาง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี โดยทั้ง 2 คน เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ขนชาวลาว
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่เป็นผู้ขับรถได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนชาวลาวมาจากบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งชาวลาวทั้งหมดมาจากเมืองปากเซ และเมืองชนะสมบูรณ์ แขวงจำปาสัก สปป.ลาว โดยได้ค่าจ้างเป็นค่าขนส่งคันละ 12,000 บาท เพื่อนำชาวลาวทั้งหมดส่งไปยัง จ.สระบุรี และกรุงเทพฯ
ชาวลาวทุกคนที่ถูกจับกุมในครั้งนี้จะจ่ายค่านายหน้าให้กับแก๊งค้ามนุษย์คนละ 1,500 บาท และ 2,500 บาท โดยหากว่าไปทำงานที่ จ.สระบุรี จะจ่ายค่านายหน้าคนละ 1,500 บาท และหากเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพจะต้องจ่ายคนละ 2,500 บาท ตามระยะทางใกล้ไกล ซึ่งในบรรดาชาวลาวทั้ง 30 คนนี้ ปรากฏว่า มีหญิงสาวชาวลาวจำนวน 2 คน ที่มีหนังสือเดินทางถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวให้เดินทางไปยังจุดหมายต่อไปได้
เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหากับผู้ขับขี่รถทั้ง 3 คันว่า ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งข้อหากับชาวลาวทั้ง 28 คนว่า ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งมอบให้ พ.ต.ท.วรวิทย์ สีมาพล พนักงานสอบสวน สภ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป