อุตรดิตถ์ - ชาวบ้านเหยื่อโคลนถล่มลับแลปี 49 เป็นงงกันทั่วหน้า ย้ายไปอยู่ที่ใหม่เจอภัยแล้ง รอเจ้าหน้าที่ อบต.ฝายหลวง มาแจกน้ำกลับถูกเรียกเงินซ้ำ แถมต้องทนใช้น้ำปนเปื้อนสารเคมีอีก
นายอาจ ฟองฟู อายุ 80 ปี ชาวบ้านม่อนนางแหลม หมู่ 4 ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า บ้านม่อนนางแหลมเป็นหมู่บ้านที่อำเภอลับแลอพยพออกมาจากพื้นที่ดินโคลนถล่มเมื่อปี 2549 จำนวน 162 ครัวเรือน ประชากรกว่า 500 คน ซึ่งตั้งแต่มาอยู่ประสบปัญหาเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคซ้ำซากทุกปี และปีนี้ขาดน้ำตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมาแล้ว ชาวบ้านต้องซื้อน้ำดื่มจากร้านค้า ส่วนน้ำใช้ต้องร้องขอจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ฝายหลวง นำมาแจก แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย 200 บาทต่อน้ำ 5,000 ลิตร
นายอาจกล่าวว่า ในหมู่บ้านมีแหล่งน้ำผลิตประปาเพียงแห่งเดียว คือสระเก็บน้ำขนาด 50x50 เมตร แม้ชาวบ้านจะช่วยกันรักษาไว้เพื่อการผลิตประปาช่วงฤดูแล้ง แต่กลับมีชาวบ้านบางกลุ่ม ทั้งจากในหมู่บ้านและภายนอกหมู่บ้านลักลอบลงเล่นน้ำ นำรถยนต์รถจักรยานยนต์ไปล้าง บางครั้งก็มีสุนัขลงไปเล่น นอกจากนี้ ชาวบ้านที่ปลูกหอมแดงก็นำน้ำแหล่งนี้ไปรดสวน เวลาฉีดพ่นยาฆ่าแมลงในสวนหอมแดงน้ำยาสารเคมีก็จะลงมาสะสมที่สระดังกล่าว
นายสุชาติ จันทร์วัฒนพงษ์ นายก อบต.ฝายหลวง กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่เจ้าหน้าที่ อบต.ไปแจกน้ำชาวบ้านแล้วเรียกเงิน แต่จะทำการตรวจสอบ และห้ามไม่ให้เรียกรับเงินจากชาวบ้านอีกไม่ว่าจะเป็นที่ม่อนนางแหลม หรือหมู่บ้านอื่น เพราะมีเงินเดือนอยู่แล้วไม่ควรจะเบียดบังชาวบ้านอีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้ปัญหาภัยแล้งบ้านม่อนนางแหลม อำเภอ และ อบต.ฝายหลวง มีโครงการทำแหล่งผลิตน้ำประปาขนาดใหญ่ให้แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้เพิ่งมารับตำแหน่ง ยังดูงานไม่เต็มที่