มุกดาหาร-นรข.มุกดาหาร-กอ.รมน.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าไซเตส (CITES) สนธิกำลังตรวจยึดไม้พะยูงกว่า 60 ท่อน ซุกซ่อนท้ายหมู่บ้านโนนสว่าง อำเภอคำชะ คาดนำไม้มาจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูสีฐาน เตรียมนำส่งนายทุน ส่วนอีกคดีร้อยตชด.234 มุกดาหารตรวจยึดไม้ยางขนาดใหญ่ไว้ได้
วันนี้ (3 พ.ย.55) น.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณเกศา ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม พ.อ.ยุทธนา ม่วงพูลสวาสดิ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร (กอ.รมน.) ได้รับรายงานจากสายว่า ขบวนการค้าไม้พะยูง นำไม้พะยูงมาซุกซ่อนในป่าละเมาะ ท้ายหมู่บ้านโนนสว่าง หมู่ 5 ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
จึงสั่งการให้น.ต.กรภัทร ศรีพิพัฒน์ หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร นำชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วหน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ไซเตส (CITES) ออกลาดตระเวน และตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย ในพื้นที่หมู่บ้านโนนสว่าง หมู่ 5 ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พบไม้พะยูงจำนวน 60 ท่อน มีมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท นำมาซุกซ่อนอยู่บริเวณป่าละเมาะท้ายหมู่บ้านดังกล่าว
จากการสอบถามชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ไม่มีใครทราบว่าเป็นของใครมาซุกซ่อนไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่า เป็นไม้พะยูงของแก๊งมอดไม้ที่ลักลอบนำมาจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน แล้วมาซุกซ่อนไว้เพื่อรอส่งขายให้นายทุน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบ จึงตรวจยึดไม้พะยูงทั้งหมด เพื่อสืบสวนตามล่าหาแก๊งมอดไม้รายนี้ต่อไป
ขณะเดียวกันพ.ต.ท.เทิดฤทธิ์ สุวรรณประทัง ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 ได้รับแจ้งว่า มีการตัดไม้ ที่ถนนมุกดาหาร-ดอนตาล ทางเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยเรือ ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร จึงสั่งการจัดกำลังตรวจสอบตามที่รับแจ้ง เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณที่รับแจ้ง พบไม้ยางขนาดใหญ่ถูกตัดโค่น ลักษณะใหม่และสด กองรวมกันจำนวนมาก
ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ ลักษณะไม้ถูกตัดด้วยเครื่องเลื่อย โซ่ยนต์ และยังไม่ถูกแปรรูป ซึ่งไม้ดังกล่าวไม่มีรอยดวงตราประทับของเจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 มุกดาหาร ได้ยึดไม้ยางไว้พร้อมแจ้งข้อกล่าวว่า กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วนำของกลางดังกล่าว ไปทำบันทึกประจำวันนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อสืบหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป