ไพร่แดงอุดรฯ ลุ้นศาลอุทธรณ์ตัดสินคดีรุมสกรัมพันธมิตรฯ พรุ่งนี้ หวั่นถูกแกนนำแดงลอยแพ

อุดรธานี - ศาลอุทธรณ์นัดตัดสินคดีเสื้อแดงรุมทำร้ายและปะทะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หนองประจักษ์ 24 ก.ค. 51 พรุ่งนี้ (30 ต.ค.) ผู้ต้องหาเสื้อแดงเผยหลังประกันตัวสู้คดีเหมือนถูกลอยแพ ขอความช่วยเหลือจากแกนนำใหญ่ “คางคกตู่” บอกว่ารัฐบาลช่วยเหลือไม่ได้ ขณะที่ “พล.ต.อ.ประชา” ไม่เหลือเยื่อใย อ้างแล้วแต่ศาลตัดสิน ลั่นขอต่อสู้เองให้ถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้ (29 ต.ค.) ที่สถานีวิทยุชุมชนรักไท อุดรธานี FM 106.75 MHz กลุ่มคนเสื้อแดงได้นัดหารือพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกรณีที่วันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) ศาลอุทธรณ์กำลังจะตัดสินคดีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ารุมทำร้าย และเกิดเหตุชุลมุนปะทะกันกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หนองประจักษ์ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา

นางกุหลาบ ยศอ่อน หรือดีเจหงส์ทอง เปิดเผยว่า หลังจากวันที่ 29 ตุลาคม 2553 ศาลได้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 1 ปี 8 เดือน และสมาชิกคนเสื้อแดงอีก 30 คน คนละ 8 เดือน และยังมีสมาชิกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ถูกตัดสินจำคุกด้วย 2 คน คนละ 8 เดือน ตอนนี้คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ล่าสุดในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) เวลา 09.00 น. ศาลอุทธรณ์ได้นัดอ่านคำพิพากษา จำเลย 30 คน

ภายหลังจากการประกันตัวสู้คดีนั้น ที่ผ่านมาตนได้เดินทางไปเข้าพบผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงเพื่อหารือในกรณีคดีที่หนองประจักษ์ พร้อมขอความช่วยเหลือ โดยครั้งแรกได้เดินทางไปหานายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าปัญหานี้ไม่เข้าข่ายที่รัฐบาลจะไปร่วมรับผิดชอบ

นายจตุพรให้เหตุผลว่ากลุ่มคนเสื้อแดงตอนนั้นถูกศาลพิพากษาว่าผิด และสุดท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหมดยังไม่ได้ติดคุก หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปหารือกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือในกรณีเดียวกัน แต่ก็ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า “แล้วแต่ศาลจะตัดสิน ซึ่งคุณก็รู้อยู่ว่าศาลไม่ค่อยเมตตาเรา”

จากการพูดคุยกับคนเสื้อแดงทั้งหมดก็ได้คำตอบว่า หากศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำคุก 8 เดือน คนเสื้อแดงบางคนก็จะยอมติดคุกโดยไม่ขอสู้คดีต่อในชั้นฎีกา แต่บางคนก็จะสู้ต่อในชั้นฎีกา

ส่วนตนจะขอสู้คดีต่อในชั้นฎีกาต่อไป เพราะหากตนอยู่ด้านนอกก็ยังสามารถช่วยเหลือพี่น้องคนเสื้อแดงต่อไปได้

ด้านนางรัตนาวรรณ สุขศาลา หนี่งในแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ทุกคนอาจจะมองว่าเป็นคดีเล็ก แต่คนที่ควรจะรับผิดชอบมากที่สุดควรจะเป็น นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ซึ่งเป็นหัวหน้า เป็นคนสั่งการทุกอย่างในตอนนั้น เพราะตอนนั้นใช้ชื่อว่าชมรมคนรักอุดร ถึงแม้ว่าจะอยู่คนละฝั่งกับพวกเราในตอนนี้ แต่สามัญสำนึกควรจะมีบ้าง

ทั้งนี้ ตนขอตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่จะถูกตัดสินในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) นั้นมี 3 คนที่เป็นคนของชมรมคนรักอุดร ซึ่งหาก 3 คนที่ว่านี้ได้รับการช่วยเหลือตนก็จะไม่ยอมเช่นกัน

สำหรับเหตุการณ์ปะทะกันที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 เมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้จัดเวทีปราศรัย ซึ่งทางชมรมคนรักอุดรที่ชุมนุมที่สนามทุ่งศรีเมือง ต้องการที่จะต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่หนองประจักษ์ศิลปาคม จากนั้นได้เคลื่อนตัวไปที่หนองประจักษ์ฯ จนเกิดการปะทะกัน มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และมีการเผาทำลายทรัพย์สิน โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต ทำให้มีการสอบสวนดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่าย