อบจ.พิจิตรรุมสับแขวงการทางฯ กลางสภาฯ ถนนพัง-ชาวบ้านประจาน “ถนนแย่ ทำแม่ตาย”

พิจิตร - ส.อบจ.เมืองชาละวันรุมสับแขวงการทางฯ กลางสภาฯ ถามความรับผิดชอบหลังถนนทั่วพิจิตรเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นเหตุให้ชาวบ้านผู้สัญจรไปมาเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ-เสียชีวิตนับไม่ถ้วน จนทนไม่ไหวล่าชื่อ 5 พันรายร้องทุกข์ พร้อมขึ้นป้ายประจาน “ถนนพิจิตรโคตรแย่ ทำแม่ผมตาย”

วันนี้ (29 ต.ค.) นายสุกิจ พรธาดาวิทย์ ประธานสภา อบจ.พิจิตร ได้เรียกประชุมสภาสมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ประจำปี 2555 โดยมีนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร เข้าร่วม เพื่อลงมติรับข้อบัญญัติงบประมาณปี 2556 และแผน 3 ปี โดยการประชุมครั้งนี้ อบจ.พิจิตรก็ยังได้เชิญนายเรวัต บุบผะศิริ ผู้อำนวยการแขวงการทางพิจิตร ให้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากมี ส.อบจ.จากเขตต่างๆ ร้องเรียนเรื่องถนนเป็นหลุมเป็นบ่อสร้างความเดือดร้อนแก่ราษฎร จึงต้องเชิญให้มาฟังข้อร้องทุกข์

นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.อบจ.โพทะเล เขต 1 ได้ตั้งกระทู้สดผ่านประธานสภาไปยังนายเรวัต บุบผะศิริ ผู้อำนวยการแขวงการทางพิจิตร ว่า มีราษฎรได้ร่วมกันลงชื่อมากกว่า 5 พันราย ร้องทุกข์ว่ามีความเดือดร้อนเนื่องจากถนนในเขต อ.บางมูลนาก อ.โพทะเล อ.ดงเจริญ เป็นหลุมเป็นบ่อ โดยเฉพาะจากสี่แยกโพธิ์ไทรงาม-โพทะเล ถนนทรุดโทรมมาก พร้อมกับแสดงภาพถ่ายที่มีชาวบ้านขึ้นป้ายประจานว่า “ถนนพิจิตรโคตรแย่ ทำแม่ผมตาย” ที่ติดประจานกระทรวงคมนาคมไว้ที่บริเวณสี่แยกวังงิ้ว ทางไปบ้านเสธ.หนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์) ซึ่งใครเห็นแล้วก็อนาถใจว่าทำไมถนนในพิจิตรหลายเส้นทางถึงได้แย่ขนาดชาวบ้านทนไม่ไหวแล้ว ต้องขึ้นป้ายประจาน จึงอยากเรียกร้องให้แขวงการทางฯ ช่วยแก้ไข

เช่นเดียวกับนายสุนทร บุญมาตร ส.อบจ.เขต อ.โพธิ์ประทับช้าง ก็ลุกขึ้นอภิปรายว่า บริเวณคอสะพานวังจิกที่ถนนพังเพราะถูกน้ำท่วม แขวงการทางพิจิตรมีนโยบายที่จะดำเนินการเช่นไร มีหลุมบ่อใหญ่มากชาวบ้านและผู้ที่สัญจรไปมาต่างเดือดร้อนกันทั่วหน้า

ขณะที่นายบุญธรรม จันทร์เศรษฐ์ ส.อบจ.เขต อ.วังทรายพูน ก็ได้ยกมือและยืนขึ้นตั้งกระทู้สดถามถึงแขวงการทางพิจิตร ว่า ทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-เขาทราย-วังทรายพูน-สากเหล็ก ถนนทรุดยางมะตอยแตกลายงาเป็นหลุมลึก รถยนต์-รถจักรยานยนต์ตกหลุมตกบ่อยางแตก เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะต้องได้รับบาดเจ็บ พิการ เสียชีวิตไปแล้วมากมายเพราะถนนทรุดโทรม แขวงการทางพิจิตรมีแนวทางจะแก้ไขเช่นไร เพราะเป็นเช่นนี้มานานเกือบ 5 ปีแล้วไม่เคยมีใครเหลียวแลแก้ไข จะมีบ้างก็แค่เอาหินคลุกผสมยางมะตอยไปหยอดตามถนน ได้ไม่กี่วันยางมะตอยก็หลุดร่อนเป็นหลุมเป็นบ่ออีกเหมือนเดิม

รวมถึงนายทูล ศรีสวาท ส.อบจ.เขต อ.บึงนาราง ก็ได้ร้องทุกข์ผสมกับการเล่าประสบการณ์ ว่า ถนนพิจิตรชำรุดทรุดโทรมเป็นเรื่องน่าอับอาย ไปจังหวัดไหนเขาก็แซวคนก็ถามว่า “ทำไมถนนพิจิตรจึงพัฒนาให้ดีไม่ได้เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ” จนมีตำนานเรื่องเล่าว่า “ถ้าขึ้นรถทัวร์มาจากกรุงเทพฯ แล้วนอนหลับมาในรถทัวร์ ถ้ารู้สึกแสบตาเพราะมีแสงไฟส่องเข้าตานั่นแสดงว่าถึงสุพรรณบุรีแล้ว แต่ถ้านอนหลับบนรถทัวร์มาบนถนน ทล. 117 รู้สึกรถเขย่าโคลงเคลงแสดงว่าเข้าเขตพิจิตรแล้ว เพราะถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ แล้วถ้าหลับต่อมาอีกหน่อยตื่นมาเห็นบริเวณสี่แยกเข้าพิจิตรจะเห็นไฟแดงเสีย...ไฟเกาะกลางถนนดับมืดสนิท นั่นแสดงว่าใกล้เข้าเขตตัวตลาดเมืองพิจิตรแล้ว”

ซึ่งเรื่องเล่าแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายของชาวพิจิตร จึงอยากฝากแขวงการทางพิจิตรให้ช่วยตอบคลายข้อข้องใจด้วยว่าจะลบคำสบประมาทของนักเดินทางได้อย่างไร

ด้านนายเรวัต บุบผะศิริ ผู้อำนวยการแขวงการทางพิจิตร ได้ตอบข้อข้องใจว่า มารับตำแหน่งเมื่อเดือน ก.พ. 55 ก็ออกสำรวจถนน ยอมรับว่า 50% ถนนในจังหวัดพิจิตรที่แขวงการทางฯ ดูแลรับผิดชอบนั้นเป็นหลุมเป็นบ่อชำรุดทรุดโทรมจริงอย่างที่ ส.จ.ทั้งหมดตั้งกระทู้อภิปรายถามมา

นายเรวัตกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อปี 55 ได้ทำแผนไป 30 แผนงาน แต่ได้งบประมาณมา 16 แผนงาน ซึ่งทำเสร็จไปแล้ว 15 แผนงาน อีก 1 แผนงานคือก่อสร้างสะพาน ถนนทางหลวง 118 เขต อ.บางมูลนาก ไม่มีใครประมูลงาน จึงให้โครงการสะพานสองเป็นผู้จัดสร้าง

ส่วนในปี 2556 ตอนนี้ได้รับงบประมาณมาแล้ว 14 แผนงาน ซึ่งจะเร่งหาผู้รับจ้างให้มาทำให้แล้วเสร็จ เช่น สี่แยกโพธิ์ไทรงาม, ทางหลวง 1067 หลัก กม.ที่ 14-19 และหลัก กม.ที่ 22-24 รวมถึงถนนบางมูลนาก-วังงิ้ว กม.0-กม. 6 หน้าศูนย์ชัยพัฒนาฯ และบริเวณหลัก กม.ที่ 19, 20 และถนนที่คอสะพานวังจิกนั้นก็จะทำในงบประมาณปี 56 ด้วยเช่นกัน

ส่วนแสงสว่างตามเสาไฟฟ้าที่ไฟดับทั้งจังหวัดพิจิตรนั้นก็เพราะที่ผ่านมาหม้อแปลงไฟฟ้าถูกขโมยไปถึง 10 ลูก ราคาลูกละ 2 แสนบาทเศษ ซึ่งปีงบประมาณปี 2556 ก็จะจัดซื้อมาติดตั้งไฟก็จะสว่างดั่งเดิม ดังนั้นต่อไปวันข้างหน้าต้องขอฝากส.จ.ทุกเขตและชาวบ้านทุกคนให้ช่วยดูแลทรัพย์สินของทางราชการด้วย

ซึ่งหลังจากแขวงการทางพิจิตรได้ตอบกระทู้ที่ ส.อบจ.พิจิตร รับเรื่องราวร้องทุกข์มาถามในสภาฯ ทุกฝ่ายก็ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะได้ติดตามการปรับปรุงแก้ไขถนนมารายงานให้ประชาชนชาวพิจิตรได้ทราบต่อไป