xs
xsm
sm
md
lg

รวบหนุ่มปากีฯฆ่าโหดสาวบาร์เบียร์หมกเกสต์เฮาส์ อ้างแค้นโดนหมิ่นศาสนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จับแล้วหนุ่มปากีสถานมือก่อเหตุฆ่าสาวบาร์เบียร์เชียงใหม่หมกเกสต์เฮาส์ พบหลังก่อเหตุเก็บทรัพย์สินผู้ตายหลบหนีมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ก่อนลงหาดใหญ่ สุดท้ายไปไม่รอดโดนรวบคาสุวรรณภูมิ สารภาพลงมือฆ่าเพราะแค้นให้เครื่องรางสำคัญทางศาสนาแต่ฝ่ายหญิงดูถูกแถมโยนทิ้ง ด้านผบช.ภาค 5 ย้ำที่พักทุกแห่งรับนักท่องเที่ยวต้องให้กรอกข้อมูลจริงป้องกันปัญหา

วันนี้ (26 ต.ค.55) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ โดยการอำนวยการของพล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ นำตัวนายไซเอด มูฮัมเมด อาลี ชาวปากีสถาน ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมหญิงชาวไทยมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ลายไทยเกสต์เฮาส์ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจำกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่สนนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา

การจับกุมตัวและนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอยคำรับสารภาพในครั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณที่นายไซเอดเป็นผู้ก่อเหตุฆ่านางดวงเดือน แฮร์ริส อายุ 41 เจ้าของร้านมิดไนท์บาร์ เสียชีวิตภายในห้องพักหมายเลข 204 ลายไทยเกสต์เฮาส์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังก่อเหตุนายไซเอกดได้หลบหนีออกจากจังหวัดเชียงใหม่ทันที ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและติดตามเส้นทางการหลบหนีของนายไซเอด จนทราบว่านายไซเอดได้เดินทางออกจากจังหวัดเชียงใหม่เข้าสู่กรุงเทพมหานครในวันที่ 17 ต.ค. ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเข้าพักที่ห้องพักหมายเลข 305 โรงแรมลิโด้ โดยจองห้องพักตั้งแต่วันที่ 18-22 ต.ค. แต่ได้ออกจากโรงแรม ไปตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. ต่อมาจากการประสานงานร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พบว่านายไซเอดพยายามที่จะหลบหนีออกจากประเทศ จึงได้ติดตามจับกุมได้พร้อมทรัพย์สินของผู้ตายที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนจะนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้

ทั้งนี้ ในระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายไซเอดให้การว่าได้รู้จักและไปเที่ยวที่ร้านของผู้ตาย และต่อมาได้ชักชวนผู้ตายกลับมาที่ห้องพักและมีเพศสัมพันธ์กันในวันที่ 15 ต.ค. รวมทั้งยังออกไปเที่ยวด้วยกันต่อในวันที่ 16 ต.ค.ส่วนสา
 
เหตุที่ลงมือฆ่านางดวงเดือดนั้น นายไซเอดอ้างว่าตนเองซึ่งนับถือศาสนาอิสลามได้มอบเครื่องรางทางศาสนาให้กับนางดวงเดือนเพื่อเป็นที่ระลึก แต่นางดวงเดือนกลับแสดงท่าทีดูหมิ่นสิ่งและโยนสิ่งของดังกล่าวซึ่งถือเป็นของสำคัญทางศาสนาทิ้ง ทำให้ตนเกิดความโกรธและบันดาลโทสะลงมือฆ่านางดวงเดือนจนเสียชีวิตในห้องพัก

นายไซเอด ให้การต่อไปว่า หลังก่อเหตุได้โทรศัพท์ปรึกษากับชายชาวอินเดียที่รู้จักซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยชายชาวอินเดียคนดังกล่าวแนะนำนายไซเอดว่าให้รีบหลบหนีและให้นำทรัพย์สินของผู้ตายไปด้วยเพื่อทำลายหลักฐาน นายไซเอดจึงรีบหลบหนีออกจากเกสต์เฮาส์และเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ก่อนจะเดินทางต่อไปยังอำเภอหาดใหญ่และพยายามจะหาทางหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ถูกตำรวจจับกุมได้ในที่สุด

พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวถึงการจับกุมผู้จต้องหาในครั้งนี้ว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่สะเทือนขวัญและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่านายไซเอดได้ใช้ชื่อปลอมในการเข้าพักภายในเกสต์เฮาส์ที่จังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้อาศัยการติดตามจากภาพในกล้องวงจรปิด ข้อมูลจากการซื้อตั๋วรถโดยสาร รวมทั้งข้อมูลการลงทะเบียนเข้าพักที่ อ.หาดใหญ่ จนทราบว่าผุ้ต้องหาคือนายไซเอด ชาวปากีสถาน ก่อนจะทำการออกหมายจับและติดตามตัวจนสามารถจับกุมได้ในที่สุด

พล.ต.ท.สุเทพกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามยังไม่ปักใจเชื่อว่าการฆาตกรรมนางดวงเดือนมีสาเหตุมาจากการบันดาลโทสะเพียงอย่างเดียว รวมทั้งยังสงสัยถึงการเข้ามาในประเทศไทยของนายไซเอดว่าอาจจะมีวัตถุประสงค์นอกเหนือจากการท่องเที่ยวรวมอยู่ด้วย ซึ่งจะได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนและขยายผลต่อไป ขณะเดียวกันผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยังได้กล่าวฝากไปถึงโรงแรม เกสต์เฮาส์และสถานที่พักต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ด้วยว่า ขอให้ทุกแห่งเข้มงวดในการรับนักท่องเที่ยวเข้าพัก โดยนักท่องเที่ยวจะต้องกรอกข้อมูลให้ตรงตามที่ระบุไว้ในพาสปอร์ต เพื่อที่ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถสืบสวนและติดตามตัวได้อย่างรวดเร็ว

อนึ่ง ในการนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้ มีญาติของนางดวงเดือนได้นำภาพถ่ายของนางดวงเดือนมายังสถานที่เกิดเหตุ โดยระบุว่าต้องการให้ผู้ต้องหาขอขมากับภาพของนางดวงเดือน อีกทั้งยังมีประชาชนในละแวกใกล้เคียง รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในเกสต์เฮาส์ดังกล่าวให้ความสนใจการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นจำนวนมาก โดยในระหว่างที่นายไซเอดถูกนำตัวมายังที่เกิดเหตุ ลุ่มประชาชนที่รอชมการทำแผนด้ำพากันตะโกนด่าทอ และมีบางส่วนพยายามที่จะเข้าไปทำร้ายนายไซเอด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งนำตัวนายไซเอดเข้าไปภายในเกสต์เฮาส์

ขณะที่ภายหลังเสร็จสิ้นการทำแผน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดสินใจนำตัวนายไซเอดหลบออกไปขึ้นรถที่บริเวณประตูด้านข้างของเกสต์เฮาส์แทน เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับญาติของผู้เสียชีวิตที่รอพบนายไซเอดอยู่ อย่างไรก็ตาม มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ทราบว่าเจ้าหน้าที่นำตัวนายไซเอดออกทางประตูด้านข้างของเกสต์เฮาส์ จึงได้ตามไปตะโกนด่าทอนายไซเอดในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สามารถนำนายไซเอดเดินทางกลับได้โดยไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด




กำลังโหลดความคิดเห็น