จันทบุรี - วัยรุ่นจันทบุรี เลือดร้อนใช้รถยนต์กระบะไล่บี้ชนรถจักรยานยนต์คู่อริเสียชีวิต 2 ราย หลังมีเรื่องชกต่อยกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัววัยรุ่นรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (14 ต.ค.55) พ.ต.ท.อดุลย์ ศรีธารา สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกับรถจักรยานยนต์ 2 คัน บริเวณหมู่ที่ 7 ตำบลบางกระไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ทางเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ได้ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแหลมสิงห์แล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบด้วย
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.อดุลย์ ศรีธารา สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ได้รุดไปที่เกิดเหตุตรวจสอบพบรถยนต์กระบะอีซูซุ ไฮเลนเดอร์ สีบร์อน หมายเลขทะเบียน ฏพ-6272 กรุงเทพมหานคร ด้านหน้ามีรอยยุบ กระจกหน้าแตก และล้อหน้าด้านซ้ายรุด ไม่พบคนขับรถยนต์แต่อย่างไร ในที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ 2 คัน ถูกชนล้มคว่ำอยู่ข้างทาง 1 คัน และกระเด็นเข้าไปอยู่ในป่าข้างทาง 1 คัน
คันแรกเป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพพังเสียหายทั้งคัน ใกล้กับรถจักรยานยนต์พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง ทราบชื่อต่อมา ชื่อนางวีนา ประกอบทรัพย์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ที่ 3 ตำบลอ่างคีรี อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี สภาพมีบาดแผลที่ศีรษะ คอหัก ห่างออกมาประมาณ 300-500 เมตร พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าคลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน กษฉ 629 จันทบุรี สภาพพังเสียหายเช่นกัน ใกล้กับรถพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิงเช่นกัน นอนเสียชีวิตค่อมอยู่กับรถจักรยานยนต์ ทราบชื่อต่อมา ชื่อนางสาววิชุดา โฉมหน้า อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 9 ตำบลสะแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ สภาพศีรษะเปิด ขาขวาหัก
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ทราบชื่อทั้งหมด รายแรกชื่อ นางสาววิภาดา โฉมหน้า อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 9 ตำบลสะแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ รายที่ 2 ชื่อนายไพศาล นาคฉล้อม อายุ 17 ปี ไม่ทราบบ้านเลขที่ รายที่ 3 ชื่อนายเนตร ไม่ทราบนามสกุล และบ้านเลขที่ และรายที่ 4 ชื่อนายสมชาย ประศัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/7 หมู่ที่ 6 ตำบลอ่างคีรี อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งทั้ง 4 คน อาการปลอดภัย
จากการสอบถาม นางวิภาดา โฉมหน้า น้องสาวของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ในช่วงของเวลา เที่ยงคืน เพื่อนชาย 3 คนได้มีการโทรศัพท์มาหาให้ตนเองและเพื่อนผู้เสียชีวิตมาหาที่ห้องในย่านรีสอร์ทแถวหาดแหลมสิงห์ โดยตนเองไม่รู้ว่าเพื่อนชายทั้ง 3 คน ได้มีเรื่องชกต่อยกับ นายต้น เพื่อนร่วมก๊วนด้วยกันเอง หลังจากนั้นตนเองและเพื่อนผู้เสียชีวิต และเพื่อนชายได้ขี่รถจักรยานยนต์อัด 3 กันไป 2 คัน เพื่อออกไปทานข้าวต้มกัน
จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะของนายต้น ที่มีเรื่องชกต่อยกันกับเพื่อนชายได้ขับรถยนต์กระบะมาด้วยความเร็วตนเอง พร้อมด้วยเพื่อนผู้เสียชีวิต และเพื่อนชายพยายามขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเร่งเครื่องหนีแต่นายต้นกลับขับรถยนต์ไล่บี้และชนรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันจนส่งผลให้เพื่อนเสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บ 4 ราย ในเบื้องต้นหลังก่อเหตุนายต้น ได้ทิ้งรถยนต์กระบะไว้ในที่เกิดเหตุก่อนที่จะหลบหนีไปทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งติดตาม นายต้นผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ล่าสุด พ.ต.ท.อดุลย์ ศรีพารา สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ได้ลงพื้นที่หาข่าว และเก็บหลักฐานเพิ่มเติมยังจุดเกิดเหตุ และเมื่อลงตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ บริเวณถนนสายเฉลิมบรูพาชลทิต 167 หมูที่ 7 ตำบลบางกระไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ปรากฏว่าพบหลักฐานชิ้นเอก คือ ยาไอซ์น้ำหนัก 1 กรัม และเครื่องชั่งยาไอซ์ 1 อัน ตกอยู่ในที่เกิดเหตุในโพรงหญ้าบริเวณศพของผู้เสียชีวิตของ นางสาววิชุดา โฉมหน้า
ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพอที่จะทราบตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุรายนี้แล้ว ทราบชื่อต่อมา ชื่อนายต้น หรือ เอ็ม ไม่ทราบที่อยู่ รู้แต่เพียงเป็นคนจังหวัดจันทบุรี และมีอาชีพตามเก็บเงินกู้ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุม ส่วนสาเหตุของการขับรถยนต์กระบะไล่บี้ชนรถจักรยานยนต์ ทั้ง 2 คัน จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 4 รายนั้น ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของการหักหลังเรื่องยาเสพติดกัน จึงเป็นฉนวนทำให้นายต้น หรือ เอ็ม ก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้น ส่วนนายต้น หรือ เอ็ม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 ราย ทางโรงพยาบาลแหลมสิงห์ ได้มีการส่งตัวไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีแล้ว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้มีการอาญัติตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 คน ไว้เพื่อทำการสอบสวนหาสาเหตุอีกครั้ง หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของยาเสพติดด้วยก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (14 ต.ค.55) พ.ต.ท.อดุลย์ ศรีธารา สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกับรถจักรยานยนต์ 2 คัน บริเวณหมู่ที่ 7 ตำบลบางกระไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ทางเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ได้ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแหลมสิงห์แล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบด้วย
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.อดุลย์ ศรีธารา สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ได้รุดไปที่เกิดเหตุตรวจสอบพบรถยนต์กระบะอีซูซุ ไฮเลนเดอร์ สีบร์อน หมายเลขทะเบียน ฏพ-6272 กรุงเทพมหานคร ด้านหน้ามีรอยยุบ กระจกหน้าแตก และล้อหน้าด้านซ้ายรุด ไม่พบคนขับรถยนต์แต่อย่างไร ในที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ 2 คัน ถูกชนล้มคว่ำอยู่ข้างทาง 1 คัน และกระเด็นเข้าไปอยู่ในป่าข้างทาง 1 คัน
คันแรกเป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพพังเสียหายทั้งคัน ใกล้กับรถจักรยานยนต์พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง ทราบชื่อต่อมา ชื่อนางวีนา ประกอบทรัพย์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ที่ 3 ตำบลอ่างคีรี อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี สภาพมีบาดแผลที่ศีรษะ คอหัก ห่างออกมาประมาณ 300-500 เมตร พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าคลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน กษฉ 629 จันทบุรี สภาพพังเสียหายเช่นกัน ใกล้กับรถพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิงเช่นกัน นอนเสียชีวิตค่อมอยู่กับรถจักรยานยนต์ ทราบชื่อต่อมา ชื่อนางสาววิชุดา โฉมหน้า อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 9 ตำบลสะแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ สภาพศีรษะเปิด ขาขวาหัก
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ทราบชื่อทั้งหมด รายแรกชื่อ นางสาววิภาดา โฉมหน้า อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 9 ตำบลสะแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ รายที่ 2 ชื่อนายไพศาล นาคฉล้อม อายุ 17 ปี ไม่ทราบบ้านเลขที่ รายที่ 3 ชื่อนายเนตร ไม่ทราบนามสกุล และบ้านเลขที่ และรายที่ 4 ชื่อนายสมชาย ประศัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/7 หมู่ที่ 6 ตำบลอ่างคีรี อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งทั้ง 4 คน อาการปลอดภัย
จากการสอบถาม นางวิภาดา โฉมหน้า น้องสาวของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ในช่วงของเวลา เที่ยงคืน เพื่อนชาย 3 คนได้มีการโทรศัพท์มาหาให้ตนเองและเพื่อนผู้เสียชีวิตมาหาที่ห้องในย่านรีสอร์ทแถวหาดแหลมสิงห์ โดยตนเองไม่รู้ว่าเพื่อนชายทั้ง 3 คน ได้มีเรื่องชกต่อยกับ นายต้น เพื่อนร่วมก๊วนด้วยกันเอง หลังจากนั้นตนเองและเพื่อนผู้เสียชีวิต และเพื่อนชายได้ขี่รถจักรยานยนต์อัด 3 กันไป 2 คัน เพื่อออกไปทานข้าวต้มกัน
จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะของนายต้น ที่มีเรื่องชกต่อยกันกับเพื่อนชายได้ขับรถยนต์กระบะมาด้วยความเร็วตนเอง พร้อมด้วยเพื่อนผู้เสียชีวิต และเพื่อนชายพยายามขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเร่งเครื่องหนีแต่นายต้นกลับขับรถยนต์ไล่บี้และชนรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันจนส่งผลให้เพื่อนเสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บ 4 ราย ในเบื้องต้นหลังก่อเหตุนายต้น ได้ทิ้งรถยนต์กระบะไว้ในที่เกิดเหตุก่อนที่จะหลบหนีไปทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งติดตาม นายต้นผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ล่าสุด พ.ต.ท.อดุลย์ ศรีพารา สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแหลมสิงห์ได้ลงพื้นที่หาข่าว และเก็บหลักฐานเพิ่มเติมยังจุดเกิดเหตุ และเมื่อลงตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ บริเวณถนนสายเฉลิมบรูพาชลทิต 167 หมูที่ 7 ตำบลบางกระไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ปรากฏว่าพบหลักฐานชิ้นเอก คือ ยาไอซ์น้ำหนัก 1 กรัม และเครื่องชั่งยาไอซ์ 1 อัน ตกอยู่ในที่เกิดเหตุในโพรงหญ้าบริเวณศพของผู้เสียชีวิตของ นางสาววิชุดา โฉมหน้า
ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพอที่จะทราบตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุรายนี้แล้ว ทราบชื่อต่อมา ชื่อนายต้น หรือ เอ็ม ไม่ทราบที่อยู่ รู้แต่เพียงเป็นคนจังหวัดจันทบุรี และมีอาชีพตามเก็บเงินกู้ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุม ส่วนสาเหตุของการขับรถยนต์กระบะไล่บี้ชนรถจักรยานยนต์ ทั้ง 2 คัน จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 4 รายนั้น ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของการหักหลังเรื่องยาเสพติดกัน จึงเป็นฉนวนทำให้นายต้น หรือ เอ็ม ก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้น ส่วนนายต้น หรือ เอ็ม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 ราย ทางโรงพยาบาลแหลมสิงห์ ได้มีการส่งตัวไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีแล้ว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้มีการอาญัติตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 คน ไว้เพื่อทำการสอบสวนหาสาเหตุอีกครั้ง หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของยาเสพติดด้วยก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
