บุรีรัมย์ - จัดหางานบุรีรัมย์ร่วม ตร.บุกจับแรงงานต่างด้าวกัมพูชา ลักลอบเปิด “ร้านคาราโอเกะ” 24 ชม.ได้ยกแก๊ง 6 คน ตรวจสอบไม่พบหลักฐานการเข้าเมือง คาดถูกคนไทยหลอกเซ้งร้านให้ แจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา ขณะจัดหางานเผยเคยถูกจับผลักดันกลับประเทศแต่กลับเข้ามาอีกหลายรอบจนเป็นเจ้าของกิจการเอง ทำผิด กม.โจ่งแจ้ง คาดมีผู้หนุนหลัง
วันนี้ (10 ต.ค.) เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นายอิทธิ คงวีระวัฒน์ จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และตำรวจ สภ.พุทไธสง กว่า 20 นาย บุกจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา อายุตั้งแต่ 20-30 ปี จำนวน 6 คน ที่ร้านคาราโอเกะชื่อ “น้องแต้มคาราโอเกะ” พร้อมขึ้นป้ายหน้าร้านว่า “เปิดตลอด 24 ชม.” ถนนบายพาส อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไม่มีอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด และภายในร้านพบแรงงานต่างด้าวจำนวน 5 คน กำลังให้บริการแขกที่เข้ามานั่งดื่มสุราและร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อจับกุมโดยไม่มีผู้ใดขัดขืน ต่อมาได้มีนางสาวพา ยุ (ชื่อพา นามสุกุล ยุ) อายุ 27 ปี ชาวกัมพูชา ออกมารับว่าเป็นเจ้าของร้าน เมื่อสอบถามถึงใบอนุญาตเข้าเมือง และหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าทุกคนรวมถึงเจ้าของร้านไม่มีใบอนุญาตใดๆ
จากการสอบสวนนางพา ยุ เจ้าของร้าน บอกว่า ได้เซ้งร้านต่อจากเจ้าของร้านเดิม ซึ่งเป็นคนไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอพุทไธสง ในราคา 30,000 บาท และจ่ายค่าเช่าร้านอีกเดือนละ 7,000 บาท โดยตนเป็นคนจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เข้ามาอยู่เมืองไทยนานแล้ว เคยมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารเป็นประจำ และเคยถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองหลายครั้ง ทุกครั้งเจ้าหน้าที่ทำการผลักดันกลับประเทศ ก็จะลักลอบกลับเข้ามาใหม่
และล่าสุดเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมาได้ถูกจับกุมและถูกผลักดันออกเช่นเคย แต่ก็กลับเข้ามาอีกครั้ง โดยครั้งนี้เจ้าของร้านได้เซ้งร้านให้ในราคา 30,000 บาท ตนจึงพาญาติพี่น้องที่ประเทศกัมพูชามาทำงานด้วย เนื่องจากเจ้าของร้านเดิมบอกว่าร้านเคยถูกจับไปแล้วจะไม่ถูกจับอีก ตนหลงเชื่อจึงตกลงเป็นเจ้าของร้าน เปิดกิจการมาแล้ว 1 เดือน ก่อนถูกจับดังกล่าว
ด้านนายอิทธิ คงวีระวัฒน์ จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า คนงานชาวกัมพูชาที่ถูกจับได้ส่วนหนึ่งเคยถูกจับและถูกผลักดันกลับประเทศ แล้วกลับเข้ามาอีก ครั้งนี้แรงงานกลุ่มนี้จะถูกจับกุมดำเนินคดี เนื่องจากมาเป็นนายจ้างเอง และหลบหนีเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการที่กลุ่มแรงงานต่างด้าวกล้าทำผิดกฎหมายโจ่งแจ้ง คาดว่ามีคนหนุนหลัง
โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาแรงงานต่างด้าวจำนวน 5 คน 2 ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุดหรือถูกเพิกถอน” ส่วน น.ส.พา ยุ ในฐานะนายจ้าง แจ้งข้อหา “รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน”
วันนี้ (10 ต.ค.) เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นายอิทธิ คงวีระวัฒน์ จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และตำรวจ สภ.พุทไธสง กว่า 20 นาย บุกจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา อายุตั้งแต่ 20-30 ปี จำนวน 6 คน ที่ร้านคาราโอเกะชื่อ “น้องแต้มคาราโอเกะ” พร้อมขึ้นป้ายหน้าร้านว่า “เปิดตลอด 24 ชม.” ถนนบายพาส อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไม่มีอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด และภายในร้านพบแรงงานต่างด้าวจำนวน 5 คน กำลังให้บริการแขกที่เข้ามานั่งดื่มสุราและร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อจับกุมโดยไม่มีผู้ใดขัดขืน ต่อมาได้มีนางสาวพา ยุ (ชื่อพา นามสุกุล ยุ) อายุ 27 ปี ชาวกัมพูชา ออกมารับว่าเป็นเจ้าของร้าน เมื่อสอบถามถึงใบอนุญาตเข้าเมือง และหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าทุกคนรวมถึงเจ้าของร้านไม่มีใบอนุญาตใดๆ
จากการสอบสวนนางพา ยุ เจ้าของร้าน บอกว่า ได้เซ้งร้านต่อจากเจ้าของร้านเดิม ซึ่งเป็นคนไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอพุทไธสง ในราคา 30,000 บาท และจ่ายค่าเช่าร้านอีกเดือนละ 7,000 บาท โดยตนเป็นคนจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เข้ามาอยู่เมืองไทยนานแล้ว เคยมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารเป็นประจำ และเคยถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองหลายครั้ง ทุกครั้งเจ้าหน้าที่ทำการผลักดันกลับประเทศ ก็จะลักลอบกลับเข้ามาใหม่
และล่าสุดเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมาได้ถูกจับกุมและถูกผลักดันออกเช่นเคย แต่ก็กลับเข้ามาอีกครั้ง โดยครั้งนี้เจ้าของร้านได้เซ้งร้านให้ในราคา 30,000 บาท ตนจึงพาญาติพี่น้องที่ประเทศกัมพูชามาทำงานด้วย เนื่องจากเจ้าของร้านเดิมบอกว่าร้านเคยถูกจับไปแล้วจะไม่ถูกจับอีก ตนหลงเชื่อจึงตกลงเป็นเจ้าของร้าน เปิดกิจการมาแล้ว 1 เดือน ก่อนถูกจับดังกล่าว
ด้านนายอิทธิ คงวีระวัฒน์ จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า คนงานชาวกัมพูชาที่ถูกจับได้ส่วนหนึ่งเคยถูกจับและถูกผลักดันกลับประเทศ แล้วกลับเข้ามาอีก ครั้งนี้แรงงานกลุ่มนี้จะถูกจับกุมดำเนินคดี เนื่องจากมาเป็นนายจ้างเอง และหลบหนีเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการที่กลุ่มแรงงานต่างด้าวกล้าทำผิดกฎหมายโจ่งแจ้ง คาดว่ามีคนหนุนหลัง
โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาแรงงานต่างด้าวจำนวน 5 คน 2 ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุดหรือถูกเพิกถอน” ส่วน น.ส.พา ยุ ในฐานะนายจ้าง แจ้งข้อหา “รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน”