บุรีรัมย์ - คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าว จ.บุรีรัมย์ลงพื้นที่เร่งตรวจสอบประเมินคุณสมบัติโรงสี 18 แห่งและโกดังกลางอีก 4 แห่งทั้งจังหวัดที่ยื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ยันไม่รับโรงสีที่เคยขึ้นบัญชีดำ ส่วนจุดจำนำนอกพื้นที่ยังไม่พิจารณา หากไม่เกินความสามารถของโรงสีในพื้นที่
วันนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดที่ จ.บุรีรัมย์ ประกอบไปด้วย สำนักงานการค้าภายในจังหวัด ในฐานะเลขาฯ, ผู้แทนของสำนักงานเกษตรจังหวัด, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ตำรวจภูธรจังหวัด, พาณิชย์จังหวัด, สหกรณ์จังหวัด, อุตสาหกรรมจังหวัด และผู้แทนสภาเกษตรกร เร่งลงพื้นที่ตรวจติดตามประเมินคุณสมบัติของโรงสีข้าวที่ยื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี ปีการผลิต 2555/56 จำนวน 22 แห่งทั้งจังหวัด แบ่งเป็นโรงสี 18 แห่ง และโกดังข้าวกลางอีก 4 แห่ง
เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการทุกขั้นตอน เช่น แต่ละแห่งต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างน้อย 3 จุด ทั้งเครื่องชั่งน้ำหนัก, เครื่องตรวจสอบคุณภาพข้าว และเครื่องตรวจวัดความชื้นต้องได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ และที่สำคัญโรงสีที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องไม่มีประวัติเกี่ยวข้องในการกระทำการทุจริตจนถูกขึ้นบัญชีดำ
พร้อมกันนี้ยังได้มีการตรวจสต๊อกข้าวด้วย ซึ่งทางคณะทำงานฯ คาดว่าจะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของโรงสีทุกแห่งให้แล้วเสร็จได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามการกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด แล้วส่งเสนอไปยังองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อพิจารณาอนุมัติโรงสีที่ผ่านการตรวจคุณสมบัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการรับจำนำข้าวของเกษตรกรได้ภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
โดยเบื้องต้นได้ทำการตรวจประเมินโรงสีไปแล้วจำนวน 12 แห่งใน 5 อำเภอ คือ อ.เมืองบุรีรัมย์, อ.ประโคนชัย, อ.หนองกี่, อ.นางรอง และ อ.พลับพลาชัย
ด้านนายสุทธิศักดิ์ พรหมบุตร การค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุถึงกรณีผู้ประกอบการโรงสีในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ไม่เห็นด้วยกับการที่จะนำโรงสีนอกพื้นที่จังหวัดเข้ามาเช่าท่าข้าวเปิดจุดรับจำนำในพื้นที่จังหวัด ซึ่งอาจเกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวซ้ำรอยทำให้โรงสีในพื้นที่ถูกมองในทางที่เสียหายอย่างเช่นปีที่ผ่านมาว่า ในปีนี้ทางคณะอนุกรรมการฯ ระดับจังหวัดจะเปิดโอกาสให้โรงสีในพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการก่อน หากเกินความสามารถ หรือไม่สามารถอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกร ผู้ที่จะนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการได้ค่อยจะพิจารณาโรงสีจากภายนอกจังหวัดเข้ามาเปิดจุดรับจำนำในพื้นที่ โดยต้องผ่านการคัดกรองตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวดของคณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวด้วย
“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีโรงสีภายนอกจังหวัดยื่นแสดงความจำนงเข้ามาเปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่ในจังหวัดแล้วมากถึง 16 แห่ง” นายสุทธิศักดิ์กล่าว
