สกลนคร-เจ้าหน้าที่ สภ.โคกศรีสุพรรณตรวจยึดไม้พะยูง จำนวน 80 ท่อน ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีลอยนวล เผยรถของกลางที่บรรทุกไม้พะยูงเคยถูกจับไปแล้วเมื่อ 3-4เดือนก่อนคนขับสารภาพรับจ้างขน 5 หมื่นบาท เชื่อผู้ต้องหาที่หลบหนีหวนกลับมารับจ้างขนไม้พะยูงอีกรอบ
วันนี้(1 ต.ค.)เวลา 14.00 น. ที่บริเวณด้านหน้า สภ โคกสรีสุพรรณ จ.สกลนคร ได้จัดแถลงข่าว ตรวจยึดไม้พะยูง จำนวน 80 ท่อน โดยมี พ.ต.ท.โสภณ ชั้นไพบูลย์ สว.สส.สภ.โคกศรีสุพรรณ พร้อมกำลังชุดสืบสวน 10 นาย หลังจากได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะผู้ลักลอบลำเลียงขนไม้พะยูงผ่านเส้นทางบ้านแมดนาท่ม - นาแก้ว จึงได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด พร้อมตั้งด่านจุดสกัดและดักซุ่มริมเส้นทางสายดังกล่าว
เมื่อเวลา 03.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ได้มีรถต้องสงสัยเปิดไฟสว่างวิ่งมาด้วยความเร็ว จึงส่งสัญญาณไฟให้จอดแต่รถคันดังกล่าวไม่ชะลอความเร็วกลับขับวิ่งแหกด่านตรวจไปได้ จึงขับรถไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งถึงสามแยกบ้านลาดดู่โคก หมู่ 10 ต.แมดนาท่ม อ.โคกศรีสุพรรณ พบรถผู้ต้องหาเปิดไฟกระพริบจอดอยู่ และสังเกตเห็นมีชาย 2 คนเปิดประตูรถวิ่งหลบหนีลงบริเวณทุ่งนาในความมืดหลบหนีไปได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเป็นรถกระบะยี่ห้อ นิสสัน สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บง 7122 นครพนม มีผ้าใบสีดำคลุมท้ายกระบะอย่างมิดชิด เมื่อเปิดออกจึงพบไม้พะยูงอัดเต็มกระบะท้ายรถ จำนวนทั้งหมด 80 ท่อน/ เหลี่ยม มีขนาดความยาว 120 ซม. จำนวน 35 ท่อน / เหลี่ยม และ ขนาดยาว 60 ซม. จำนวน 45 ท่อน /เหลี่ยม
จึงยึดของกลางไว้ทั้งหมด และตรวจสอบภายในรถไม่พบหลักฐานใดๆ แต่พบว่ารถกระบะที่ใช้ขนไม้พะยูงมีการดัดแปลงเพื่อขนไม้โดยเฉพาะ ส่วนราคาไม้พะยูงที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ซื้อขายกันในพื้นที่มูลค่าประมาณ 500,000 บาท แต่หากส่งออกขายยังต่างประเทศราคาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขนไม้พะยูงและรถยนต์กระบะของกลางนำไปยังโรงพักเพื่อเป็นหลักฐาน และส่งให้พนักงานสวบสวน สภ.โคกศรีสุพรรณ ติดตามเจ้าของรถยนต์ที่ใช้ขนไม้พะยูง พร้อมกับผู้ต้องหากระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.ท.โสภณฯ สว.สส.สภ.โคกศรีสุพรรณ กล่าวว่า จำได้ว่าเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวนี้ เคยต้องคดีค้าไม้พะยูงและติดคุกมาแล้วเมื่อ 4 เดือนก่อน และหวนกลับคืนมาทำอีก โดยครั้งนั้นสารภาพว่ารับจ้างขนให้แก่นายทุนไปส่งที่อำเภอบ้านแพง จ.นครพนมได้ค่าจ้างเที่ยวละ 50,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ จะได้ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นคนๆเดียวกันหรือไม่ เพราะที่ทราบมีผู้ร่วมกระทำผิดครั้งนี้มีจำนวน 2 คน