xs
xsm
sm
md
lg

เสียงจากปากชาวบ้านยันพื้นที่แปดริ้วมีเขื่อนเก็บน้ำถึง 2 แห่ง แต่ช่วยน้ำท่วมไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านแปดริ้วปูดลุ่มน้ำพื้นที่ให้เป็นกรณีศึกษา ก่อนคิดสร้าง “แก่งเสือเต้น” ยันเหนือหมู่บ้านมีอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ดีกรีอ่างยักษ์แห่งแรกของประเทศ ถึง 2 แห่ง แต่ช่วยแก้น้ำท่วมบ้านชาวบ้านไม่ได้ เหตุเพราะทรัพยากรถูกทำลาย จากการเสียพื้นที่ป่าเพิ่มในการสร้างเขื่อน วอนหาทางแก้ที่ต้นเหตุ เปิดช่องให้ไหลลงทะเลเร็วคือทางออก ระบุทางเดินน้ำตีบตัน สภาพเป็นคอขวด

วันนี้ (30 ก.ย.) เวลา 09.00 น. ชาวบ้านในหมู่บ้านรายทางน้ำไหล ลุ่มน้ำแควระบม-สียัด ครวญ ถูกน้ำท่วมลอยคอกินนอนแช่น้ำนานสองสัปดาห์แล้วไม่มีทีท่าลดลง วอนผู้เกี่ยวข้องช่วยหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง หลังหลายฝ่ายมากหน่วยงานเข้าพื้นที่ดูปัญหาแล้วก็จากไป แต่ยังทิ้งสภาพความเดือดร้อนของชาวบ้านให้ยังอยู่คงเดิม แบบซ้ำซากประจำทุกปี

นายโกมินทร์ พันธุ์ธรรม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/2 ม.3 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านผู้ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมขังที่พักอาศัย รวมถึงที่ดินทำกิน สูงเกือบถึง 2 เมตร กล่าวว่า ถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมหมู่บ้านมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.ย.55 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอะไรที่จะช่วยทำให้ระดับน้ำลดลงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้เดินทางเข้ามาดูพื้นที่ถูกน้ำท่วมกันหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข

จึงได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากต้นไม้ที่ปลูกไว้ถูกน้ำท่วมยืนต้นตายหมด การเดินทางเข้าออกจากบ้านสู่โลกภายนอกเป็นไปด้วยความยากลำบาก ห้องน้ำห้องส้วมไม่สามารถใช้การได้ รวมทั้งยังต้องอพยพข้าวของหนีน้ำกันอย่างวุ่นวายในทุกปี ทั้งที่พื้นที่ทางตอนเหนือของหมู่บ้านนั้นมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ถึง 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำคลองระบม ที่มีความจุกว่า 59.5 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำสียัดที่มีความจุสูงสุด 437 ล้าน ลบ.ม.จากการขายขอบยางสปริงเวย์รับน้ำ จนถือว่าเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ (ในสถานะอ่างเก็บน้ำ) หรือใหญ่กว่าเขื่อนขุนด่านปราการชลที่มีความจุเพียง 224 ล้าน ลบ.ม.เกือบถึง 2 เท่าตัว

แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ และยังมีแต่จะทำให้น้ำไหลบ่าลงมาเร็วขึ้น และมีน้ำมากขึ้น เพราะการสร้างเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำขึ้นมาใหม่นั้น จะต้องมีการสูญเสียทรัพยากร ต้องมีการทำลายพื้นที่ป่าเพื่อสร้างเขื่อน และหลังจากมีเขื่อนแล้วเมื่อน้ำล้นเกินความจุเขาก็ต้องปล่อยทิ้งลงมาสมทบกับน้ำที่ท่วมขังอยู่ในตอนล่างอยู่ดี แล้วก็จะยิ่งทำให้ท่วมหนักมากยิ่งกว่าเก่า เพราะฉะนั้น การสร้างเขื่อนขึ้นใหม่นั้นอาจจะไม่ได้ช่วยในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้จริง

สิ่งที่ชาวบ้านอยากให้ช่วยเร่งทำการแก้ไขอย่างเป็นการด่วนนั้น คือ การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด เนื่องจากในพื้นที่ ต.เกาะขนุนนั้น เป็นพื้นที่ต่ำรับน้ำ หรือรวมน้ำจากทั้งสองอ่างที่ไหลลงมารวมกัน คือ แควระบม และสียัด จนมาเป็นคลองท่าลาด จึงทำให้มีปริมาณน้ำมาก แต่ลำน้ำนั้นมีขนาดเท่าเดิม และลำคลองสาขายังตีบตันอีกด้วย จึงทำให้กลายเป็นคอขวดระบายน้ำได้ไม่ทัน น้ำจึงล้นออกมาจากลำน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านอย่างที่เห็น

นางอำนวย สินประเสริฐ อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192 ม.3 ต.เกาะขนุน ชาวบ้านผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่แห่งนี้มานานตั้งแต่เกิด กล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้มักถูกน้ำท่วมเป็นประจำ แต่เมื่อสมัยก่อนน้ำไม่ได้ท่วมสูงมากถึงขนาดนี้ และท่วมไม่นานมาก เพราะเป็นน้ำป่าที่มาเพียงวันสองวันแล้วก็ไหลผ่านเลยไป ชาวบ้านไม่ต้องอยู่แช่น้ำนาน ต้นไม้ไม่ได้รับความเสียหาย หรือยืนต้นตาย แต่สมัยนี้น้ำท่วมขังสูง และท่วมนานมากกว่าเก่า

พื้นที่แห่งนี้เคยไม่ถูกน้ำอยู่ประมาณสองปี คือ เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว (ประมาณปี 2542-43) หลังจากได้มีการก่อสร้างเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำสียัดแล้วเสร็จใหม่ๆ แต่หลังจากนั้น ก็ถูกน้ำท่วมมาโดยตลอดอีกเช่นเดิม และท่วมสูงหนักกว่าเก่าอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้ที่ระดับน้ำท่วมสูงใกล้เคียงกันถึงกว่า 1 เมตรเศษ


กำลังโหลดความคิดเห็น