ฉะเชิงเทรา - ชาวแปดริ้ว ผวามวลน้ำก้อนใหญ่จากกบินทร์บุรี รีบทำคันดินล้อมหมู่บ้านเลียบแนวชายฝั่งลำน้ำบางปะกง สูงเกือบ 2 เมตร ขณะคนงานเซอร์เวย์ชี้แนวเขต ให้รถแบ็คโฮถูกไฟฟ้าดูดดับบริเวณใต้เสาไฟฟ้า ทำให้เสียชีวิตทันที 1 ศพ เซ่นเทศกาลน้ำท่วมประจำปี
วันนี้ (25 ก.ย.55 ) ร.ต.ท.พร้อมพงษ์ เทพทัพทิม พนักงานสอบสวนเวร (สบ.1) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุมีคนงานประจำรถแบ็คโฮ เสริมคันดินป้องกันน้ำท่วมถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิตที่บริเวณท้ายหมู่บ้าน พื้นที่เลียบแนวชายฝั่งลำน้ำบางปะกง ม.2 ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยท้องที่
ที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านเลียบชายฝั่งลำน้ำบางปะกง ด้านฝั่งตะวันออกตรงข้ามกับค่ายกองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ค่ายศรีโสธร เยื้องกับบริเวณท่าน้ำหน้าวัดโสธรวราราม วรวิหาร พบกลุ่มชาวบ้านนำโดย นายสุรศักดิ์ ตันตะราวงศา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่8 ม.2 ต.บางตีนเป็ด ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยชาวบ้านอีกกว่า 40 คน กำลังมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันอย่างตื่นตะลึงเพราะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้านมาก่อน โดยมีรถแบ็คโฮจอดนิ่งอยู่บนคันดิน ที่กำลังถูกเสริมตั้งขึ้น เพื่อทำเป็นแนวกำแพงกั้นน้ำสูงประมาณ 1.5 เมตร ล้อมรอบหมู่บ้านดังกล่าว
บริเวณใต้แนวคันดินลงไปยังในบริเวณชายฝั่งป่าจาก ริมลำน้ำบางปะกงใกล้กับโคนเสาไฟฟ้า พบร่างของ นายบรรจะ ใหม่เจริญ อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 30/1 ม.2 ต.บางตีนเป็ด ซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนอนเสียชีวิตสภาพนอนหงายตัวแข็งเกร็งเนื้อตัวเปื้อนเปอะดินโคลนจนดูมอมแมม ตามร่างกายมีร่องรอยถูกไฟฟ้าดูดจนบางจุดมีรอยไหม้เกรียม โดยเฉพาะที่บริเวณใต้ข้อพับหัวเข่าขาขวา จุดที่เกี่ยวอยู่กับสายโยงเสาไฟฟ้าซึ่งเป็นสายเปลือยและขาดกองอยู่กับพื้นดิน
สอบสวน นายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของรถแบ็คโฮ และเป็นผู้ใหญ่บ้านให้การว่า หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใต้แนวปล่อยระบายน้ำทิ้งที่มาจากทางภาคเหนือและด้านฝั่งตะวันออกตอนบนทั้ง จ.ปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว จึงถูกน้ำท่วมหนักเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้จึงได้ใช้เงินตามโครงการเอสเอ็มแอล (SML) จำนวน 3 แสนบาท มาทำการขุดสร้าง คันดินเพื่อป้องกันน้ำที่ล้นออกมาจากแม่น้ำบางปะกงไหลเข้าท่วมหมู่บ้าน ด้วยการยกคันดินทำเป็นกำแพงกั้นน้ำเลียบชายฝั่งลำน้ำบางปะกงสูงประมาณ 1.5เมตร ตลอดชายแม่น้ำ จากบริเวณเชิงสะพานถนนสาย 304 เลี่ยงเมืองไปจรดแนวคันดินของหมู่ที่ 3ซึ่งได้มีการเตรียมการตั้งคันดินไว้ก่อนหน้าแล้ว
สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นคนในหมู่บ้านที่ได้ว่าจ้างมาช่วยเป็นผู้เดินชี้แนวเขตเซอร์เวย์นำหน้าให้รถแบ็คโฮตักสร้างคันดินไปตามแนวชายแม่น้ำพร้อมคอยช่วยเหลือและตรวจสอบว่าคันดินที่สร้างขึ้นมาถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ได้เร่งดำเนินการมากว่า 20 วันแล้วและกำลังใกล้จะแล้วเสร็จพอดี แต่ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน
ขณะที่ นายชาติชาย จันทร์ศรี อายุ 54 ปี อยู่เลขที่ 1 ม.2 ต.บางตีนเป็ดชาวบ้านที่เข้ามาพยายามช่วยเหลือผู้เสียชีวิต เล่าว่า ขณะเกิดเหตุหลังได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่บ้านให้เข้ามาช่วยเหลือคนงานที่กำลังถูกไฟฟ้าดูด ตนได้เดินลงเข้าไปยังจุดเกิดเหตุเป็นคนแรก พร้อมผู้ใหญ่บ้านที่เดินถือไม้ตามหลังมา เมื่อตนเข้าใกล้ที่เกิดเหตุกำลังจะไปช่วยจับพยุงผู้ประสบเหตุ เพื่อนำขึ้นมาปั้มหัวใจแต่กลับถูกไฟฟ้าดูดไปด้วยอีกคน แต่โชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านที่เดินตามหลังมาได้ช่วยเอาไม้เขี่ยสายไฟฟ้าออกไปได้ทัน จึงไม่ได้รับอันตราย หรือเป็นอะไรมากนัก ก่อนที่จะขอให้ทางการไฟฟ้ามาช่วยตัดไฟออกจากนั้นจึงได้พากันเข้าไปพยุงร่างของผู้ประสบเหตุอีกครั้งแต่ก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากเวลาผ่านไปนานเกือบ 1 ชม.
สำหรับแนวเสาไฟฟ้าเส้นนี้เดิม เป็นแนวเสาไฟฟ้าแรงสูงที่สมัยก่อนการไฟฟ้าได้เดินสายไฟพาดผ่านเลียบชายแม่น้ำแต่หลังจากตัดถนนสายเลี่ยงเมืองขึ้นใหม่ และมีการเดินสายไฟฟ้าแรงสูงขนาดที่ใหญ่กว่าไปตามแนวถนนสายไฟเส้นเดิมจึงถูกถอดสายไฟฟ้าแรงสูงออกเหลือแต่เพียงไฟฟ้าที่ชาวบ้านใช้กันตามครัวเรือนทั่วไปแบบสามเฟสที่โยงสายเพียงครึ่งเสา พาดผ่านอยู่ตามเดิม
นายชาติชาย กล่าวต่อไปว่า จากนั้นก็ขาดการดูแลจากผู้รับผิดชอบสายไฟบางช่วงหย่อนยานพาดต่ำลงมาจนเกือบถึงพื้นสายโยงดึงรั้งเสาไฟฟ้าบางต้นซึ่งเป็น สลิงเปลือย ขาดออกจากจุดโยงเดิมหรือบางต้นก็หย่อนยาน จนไปแตะเข้ากับสายไฟฟ้า จนบางครั้งในเวลากลางคืนยังสามารถมองเห็นเป็นแสงไฟที่เกิดจากการอ๊าคเป็นประกายคล้ายกับมีใครมาจุดไฟอะไรทิ้งไว้
“ผมเคยแจ้งไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคฉะเชิงเทราให้มาทำการแก้ไขหลายครั้งแล้วก็ไม่มีใครเข้ามาทำให้ เพราะเกรงว่าหากคนไม่รู้พื้นที่เข้ามาจะถูกไฟดูดสุดท้ายก็เกิดเหตุขึ้นมาจริงๆ” นายชาติชาย กล่าว
ด้าน นายจรงค์ ลี้หยง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.2 ต.คลองนาเพื่อนคนงานซึ่งเป็นคนขับรถแบ็คโฮ เล่าว่า เมื่อประมาณ 13.00 น.ผู้ตายได้เดินมาขอยืมรถ จยย. เพื่อจะออกไปรับภรรยากลับบ้านเพราะเห็นว่าฝนกำลังจะตก ตนก็ให้ยืมไปจนเวลาผ่านไปเห็นเขากลับมายืนอยู่ที่คันดิน ใกล้กับเสาไฟฟ้าที่เกิดเหตุจากนั้นได้หายเงียบไป จนตนเองนั้นขับรถตักดินไปจนถึงแนวเสาไฟฟ้าอีกต้นที่ต้องมีคนช่วยยกสายไฟฟ้าขึ้นเพื่อให้รถทำงานได้ จึงได้หันกลับไปมองหาแต่ก็ไม่พบเห็นอีก จึงได้เดินเข้ามาดู และพบว่า นายบรรจะ นอนตัวแข็งเสียชีวิตแล้ว จึงทำให้ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะโทรศัพท์ไปบอกกับทางผู้ใหญ่บ้าน ให้พาคนมาช่วยกัน