เพชรบุรี - “หมอสุพัฒน์” นอนเรือนจำคืนแรก นอนหลับสบายดี อยู่แดนแรกรับร่วมกับนักโทษอื่นอีก 30 คน ด้าน “ดีเอสไอ” อาจเพิ่มข้อหาค้ามนุษย์
นายสุรสิทธิ์ จิตชอบใจ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยวจนทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ และลักทรัพย์ หรือลักของโจร และเป็นผู้ต้องสงสัยคดีอุ้มฆ่า และอำพรางศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปี เข้ามาอยู่ในความควบคุมของเรือนจำในแดนเเรกรับ ซึ่งได้ทำตามกฎระเบียบของทางเรือนจำอย่างเคร่งครัด เช่น การตัดผมให้สั้นเกรียน และการเปลี่ยนเครื่องเเต่งกายเหมือนเช่นผู้ต้องขังรายอื่นๆ ซึ่งจัดให้นอนรวมกับผู้ต้องหารายอื่นอีก 30 คน โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ผู้ต้องหานอนหลับได้ ทั้งนี้ ในวันนี้ (25 ก.ย.) จะมีการเบิกตัวผู้ต้องหาเพื่อชี้เเจงกฎระเบียบของเรือนจำด้วย
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรณีที่ทางครอบครัวของผู้สูญหายได้ร้องเรียนให้สืบหาอีกแรงหนึ่งนั้น เรื่องนี้ ทางอธิบดีดีเอสไอได้มอบหมายให้ตนดูแลคดีนี้ และได้ทำการสืบสวนสอบสวนคู่ขนานไปกับทางตำรวจ จากปากคำให้การของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า
เบื้องต้นคาดว่า อาจจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์โดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นขอบเขตอำนาจของดีเอสไอ ซึ่งหากรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วน ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มอีกข้อหาหนึ่ง โดยวันนี้ (25 ก.ย.) ตนจะเดินทางไปที่ บช.ภ.7 เพื่อประสานขอสำนวนคดีมาดูอีกครั้งหนึ่ง และแบ่งทีมลงพื้นที่สอบสวนในทางลับ
นายสุรสิทธิ์ จิตชอบใจ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยวจนทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ และลักทรัพย์ หรือลักของโจร และเป็นผู้ต้องสงสัยคดีอุ้มฆ่า และอำพรางศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปี เข้ามาอยู่ในความควบคุมของเรือนจำในแดนเเรกรับ ซึ่งได้ทำตามกฎระเบียบของทางเรือนจำอย่างเคร่งครัด เช่น การตัดผมให้สั้นเกรียน และการเปลี่ยนเครื่องเเต่งกายเหมือนเช่นผู้ต้องขังรายอื่นๆ ซึ่งจัดให้นอนรวมกับผู้ต้องหารายอื่นอีก 30 คน โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ผู้ต้องหานอนหลับได้ ทั้งนี้ ในวันนี้ (25 ก.ย.) จะมีการเบิกตัวผู้ต้องหาเพื่อชี้เเจงกฎระเบียบของเรือนจำด้วย
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรณีที่ทางครอบครัวของผู้สูญหายได้ร้องเรียนให้สืบหาอีกแรงหนึ่งนั้น เรื่องนี้ ทางอธิบดีดีเอสไอได้มอบหมายให้ตนดูแลคดีนี้ และได้ทำการสืบสวนสอบสวนคู่ขนานไปกับทางตำรวจ จากปากคำให้การของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า
เบื้องต้นคาดว่า อาจจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์โดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นขอบเขตอำนาจของดีเอสไอ ซึ่งหากรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วน ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มอีกข้อหาหนึ่ง โดยวันนี้ (25 ก.ย.) ตนจะเดินทางไปที่ บช.ภ.7 เพื่อประสานขอสำนวนคดีมาดูอีกครั้งหนึ่ง และแบ่งทีมลงพื้นที่สอบสวนในทางลับ
