ชาวบุรีรัมย์ป่วน! ถล่มบ้าน “ยาย” เชื่อเป็น “ผีปอบ” ทำคนป่วย ตายอื้อ-นอภ.รุดเคลียร์

บุรีรัมย์ - ชาวบ้านโคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ป่วนหนักหลังคนในหมู่บ้านป่วยอาการประหลาด และตายไม่ทราบสาเหตุหลายราย เชื่อเกิดจากผีปอบเข้าสิงร่างกาย ถึงขั้นนำขวด-สิ่งของไปขว้างปาถล่มบ้าน “ยาย” วัย 61 ปี ที่เชื่อว่าเป็นผีปอบ เดือดร้อนหนักต้องเข้าแจ้งความ ตร. ขณะนายอำเภอ พร้อม ผอ.รพ. และเจ้าคณะอำเภอ รุดเคลียร์หวั่นเกิดปัญหารุนแรงบานปลาย ขณะยายที่ถูกกล่าวหาร้องขอความเป็นธรรม พร้อมท้านำหมอผีมาทำพิธีพิสูจน์

วันนี้ (21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นพ.บุญโฮม แก้วชนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองกี่ และ พระครูกิตติ สุตสุนทร เจ้าคณะอำเภอหนองกี่ ได้เข้าเจรจาชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านบ้านโคกสูง ม.1 ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ร่วม 100 คน ที่บริเวณศาลาการเปรียญวัดบ้านโคกสูง

หลังได้รับแจ้งจาก นายสรศักดิ์ สุกไธสง ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ว่า เกิดเหตุการณ์ประหลาด โดยมีชาวบ้านทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชราในหมู่บ้านเกิดอาการป่วยประหลาดตัวเกร็ง แขนขาชา ปวดศีรษะ บางรายถึงขั้นชักตาเหลือกหมดสติคล้ายอาการผีเข้าสิงถึง 12 คน แต่เมื่อพาไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลกลับไม่พบว่าป่วยเป็นโรคอะไร และยังมีชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเสียชีวิตติดต่อกันโดยไม่ทราบสาเหตุอีกจำนวน 4 คน จึงทำให้ชาวบ้านปักใจเชื่อว่าเกิดจากถูกผีปอบเข้าสิง จนชาวบ้านในหมู่บ้านเกิดความหวาดผวา ไม่กล้าออกจากบ้านในตอนกลางคืน

อีกทั้งยังได้มีการนำขวด หรือสิ่งของไปขว้างปาใส่บ้านของนางบัวเรียน สินสุพรรณ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 1 บ้านโคกสูง ต.โคกสูง ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในหมู่บ้าน เนื่องจากชาวบ้านเชื่อกันว่านางบัวเรียน เป็นผีปอบที่มาเข้าสิงชาวบ้าน จนทำให้นางบัวเรียน และสามีได้รับความเดือดร้อนถูกชาวบ้านรังเกียจ ไม่คบหา และไม่มีใครกล้ามาซื้อของที่ร้าน

ขณะที่นางบัวเรียน และสามีก็ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกี่ ว่าถูกชาวบ้านทำร้ายข้าวของ และก่อกวนเกรงจะได้รับอันตราย จนก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่บ้าน ทางอำเภอจึงได้เข้าชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย และเกิดความแตกแยกในหมู่บ้าน

ด้าน นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอหนองกี่ กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่า จากเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเกิดจากถูกผีปอบเข้าสิงร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ จนก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่บ้าน กรณีดังกล่าวทางโรงพยาบาลพร้อมที่จะให้ชาวบ้านที่มีอาการป่วยประหลาดไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุอะไร โดยให้ตรวจรักษาฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

ส่วนจะมีการทำบุญ หรือทำพิธีขับไล่ผีตามความเชื่อนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมติของชาวบ้าน แต่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ใครเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย และให้ชาวบ้านกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติ

ขณะที่ ยายบุญเรียน สินสุพรรณ อายุ 61 ปี พร้อม นายโอ๊ะ สินสุพรรณ สามี ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลัง นางปา ยิ้มผุ อายุ 35 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งไปทำงานที่ จ.ชลบุรี แล้วเกิดอาการป่วยประหลาดถูกส่งเข้ารักษายังโรงพยาบาลแต่ไม่พบว่าป่วยเป็นอะไร ญาติจึงได้พากลับมารักษาที่บ้านโคกสูง โดยใช้หมอไสยศาสตร์ หรือหมอผีทำการรักษา หลังชาวบ้านเชื่อว่าเป็นอาการป่วยที่อยู่เหนือธรรมชาติ ซึ่งขณะทำพิธีเข้าทรงหมอระบุว่า เกิดจากผีปอบเข้าสิงร่างผู้ป่วย พร้อมถามผู้ป่วยว่าเป็นใคร ผู้ป่วยเอ่ยชื่อว่าเป็น นางบุญเรียน จนทำให้ชาวบ้านปักใจเชื่อ และหวาดผวา นางบุญเรียน จะมาเข้าสิงร่าง

จากนั้น ได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านป่วยด้วยอาการเดียวกัน คือ มือเท้าเกร็ง แขนขาชา ปวดศีรษะ และหน้ามืดวูบล้มหมดสติ ต้องนำส่งโรงพยาบาลถึง 12 คนติดต่อกันภายใน 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อว่า นางบุญเรียน เป็นผีปอบจริงตามที่หมอเข้าทรง จึงทำให้คนในหมู่บ้านเกิดความรังเกียจ ไม่มีผู้คบหา พอตกกลางคืนชาวบ้านได้นำก้อนหิน ขวดแก้วมาขว้างปาใส่บ้านของนางบุญเรียน ทำให้นางบุญเรียน และสามีกินไม่ได้นอนไม่หลับ เกิดความหวาดกลัวชาวบ้านจะเข้ามาทำร้าย ถึงแม้จะไปแจ้งความต่อตำรวจแล้วก็ตาม

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังได้กระทบต่อสภาพจิตใจของนางบุญเรียน และสามี ที่อยู่ด้วยกันลำพังเพียง 2 คนตายาย บ้านที่เปิดเป็นร้านขายของชำ ที่เคยขายได้วันละ 2-3 พันบาท หลังมีเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่สามารถขายของได้เลย

นางบุญเรียน สินสุพรรณ อายุ 61 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่เคยเรียนวิชาอาคมใดๆ มาเลยในชีวิต ที่จะทำให้ตนเป็นผีปอบได้ตามที่ชาวบ้านกล่าวหา ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยชาวบ้านและสามี ก็ได้ไปให้หมอผีใน 3 จังหวัด ทั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ จ.มหาสารคราม และ จ.สระแก้ว เข้าทรงพิสูจน์แล้ว ก็ไม่พบว่ามีผีปอบเข้าสิงตามที่ถูกล่าวหา แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ยอมเชื่อ ซึ่งตนก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ทุกเมื่อเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาตนไม่สามารถรับได้ และไม่มีอะไรจะมาลบล้างความเสียใจที่เกิดขึ้นกับตัวเองในครั้งนี้ได้