ระยอง - คดีคนร้ายโจรกรรมเงินวัดตาขัน 2.3 ล้านบาท ล่าสุด รองเจ้าอาวาสนำเงินมาคืนกว่า 3 ล้านบาท อ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของวัด แต่นำไปเข้าบัญชีตนมานาน พร้อมปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นเงิน 2. 3 ล้านบาท ที่ถูกโจรกรรมไป
วันนี้ (18 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายตัดกุญแจห้องโจรกรรมเงินสดจำนวน 2,300,000 บาท ของพระครูวิบูลภารกิตติ์ (อาจารย์ภา) เจ้าอาวาสวัดตาขัน เลขที่ 65 หมู่ 5 ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ขณะอาจารย์ภาอาพาธเข้ารับการรักษาที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
ในวันนี้ นายเสียน ศักดิ์เมือง อายุ 74 ปี มัคทายกวัดตาขันเปิดเผยว่า มีนายตำรวจ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของอาจารย์ภา ได้พาพระสมุห์สุชิน ฉายาปิยธโร อายุ 62 ปี รองเจ้าอาวาสวัดตาขัน และมีตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะตำบลตาขัน พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีพระสมุห์สุชินหลายเล่มไปเบิกเงิน รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 3,000,000 บาท และนำมาไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาท่าประดู่ ในนามวัดตาขัน พระครูวิบูลภารกิตติ์ เจ้าของบัญชี
พระสมุห์สุชิน ยอมรับว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของวัดตาขัน และได้นำเงินมาเข้าบัญชีเป็นเวลานานแล้ว โดยใช้ชื่อบัญชีตนเอง แต่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุตัดกุญแจ และโจรกรรมเงินวัด จำนวน 2,3000,000 บาท เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาแต่อย่างใด และบอกว่า เงินที่ได้มานั้นเป็นเงินทำบุญของประชาชนที่มาทำสังฆทาน
ด้านนายสายัณห์ สุขมหา อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นญาติพระครูวิบูลภารกิตติ์ (อาจารย์ภา) 1 ในคณะกรรมการวัดตาขันกล่าวว่า วันเดียวกันพระสมุห์สุชินโทรศัพท์มาบอกว่ามีเงินจำนวน 4 แสนบาทอยู่ในกระเป๋า วางอยู่ใต้ฐานรูปหล่อหลวงปู่ตั้ง เจ้าอาวาสวัดตาขันองค์แรก พร้อมเงินเหรียญใส่ถังสังฆทานอีก จำนวน 5 ถัง จึงได้ไปตรวจสอบก็พบเงินจำนวนดังกล่าว
ความคืบหน้าของคดีขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่ายได้นิมนต์พระสมุห์สุชิน ไปสอบสวนแต่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้นำเงินจำนวน 2,300,000 บาทของวัดตาขันไป แต่ยอมรับว่า เงินจำนวนกว่า 3,000,000 บาทเป็นเงินของทางวัดจริง และได้นำไปเข้าบัญชีตนนานมาแล้ว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายพรต ศิริทรัพย์ อายุ 29 ปี และแม่ชีวรรณา มุกดาสนิท อายุ 46 ปี สองแม่ลูกที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกับพระสมุห์สุชิน ยังให้การปฏิเสธ
ด้านพระครูวิบูลภารกิตติ์ (อาจารย์ภา) เจ้าอาวาสวัดตาขันกล่าวว่า ดีใจที่ได้เงินวัดกลับคืนมา เพราะเป็นเงินที่จะใช้ในการก่อสร้างต่อเติมโรงเรียนมัธยม รวมทั้งสร้างโรงยิม ส่วนใครจะเป็นคนร้าย หรือขโมยเงินไปไม่ทราบรายละเอียดเนื่องจากนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ให้ไปถามคณะกรรมการวัด
พ.ต.อ.อธิก ลาภานุพัฒน์ ผกก.สภ.บ้านค่าย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเรียกคณะกรรมการวัด และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ แต่ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการวัดยังไม่ยอมพูดความจริง คดีนี้มีความละเอียดอ่อนต้องระมัดระวัง เพราะชาวบ้านมีความศรัทธาเลื่อมใสวัดแห่งนี้ และพระสมุห์สุชิน มีตำแหน่งเป็นถึงรองเจ้าอาวาสนั้น ได้มาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้กว่า 20 ปีแล้ว มีความสนิทสนมกับคณะกรรมการวัดทุกคน ทางตำรวจต้องหาพยานหลักฐานให้แน่ชัด ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อหาและจับกุม โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามหาหลักฐานจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
