กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจนบุรีย้ำเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์ยังรับน้ำได้อีกมาก แต่ต้องบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม จับตาฝนตกพื้นที่หลังเขื่อนและภัยแล้ง 4 อำเภอ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (16 ก.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีว่า สืบเนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกหนักติดต่อหลายวันในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยในส่วนของพื้นที่โซนอนุรักษ์ด้านเหนือ คือ อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ศรีสวัสดิ์ และพื้นที่ป่าในเขตรอยต่อ จ.อุทัยธานี ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์อยู่ในปริมาณประมาณ 84-85% ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนทั้งสองแห่งยังสามารถรับน้ำได้อีกมาก
ซึ่งการบริหารจัดการน้ำมีแนวทางปฏิบัติโดยระบายน้ำตามที่คณะกรรมการส่วนกลางกำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะน้ำในเขื่อนทั้งสองแห่งถือเป็นแหล่งน้ำดิบที่ต้องบริหารจัดการให้เหมาะสม เพราะเป็นแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภค รวมถึงน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรม และต้องใช้ผันน้ำไปเป็นแหล่งน้ำดิบให้แก่การประปานครหลวงอีกด้วย
ดังนั้น จึงถือว่าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สิ่งที่กำลังจับตาเฝ้าระวังคือ การที่ฝนตกในพื้นที่หลังเขื่อนที่มีปริมาณมากพอสมควรก็สั่งให้อำเภอต่างๆ คือ อ.ไทรโยค อ.ด่านมะขามเตี้ย อ.เมืองกาญจนบุรี อ.พนมทวน และ ปภ.กาญจนบุรี แจ้งเตือนให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวัง
ส่วนอีกพื้นที่ในโซนอีสานด้านตะวันออก คือพื้นที่ อ.หนองปรือ อ.บ่อพลอย อ.เลาขวัญ และ อ.ห้วยกระเจา ก็ยังมีพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งอยู่อีกเช่นกัน ดังนั้น จึงต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อมิให้เกิดความเดือดร้อนซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (16 ก.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีว่า สืบเนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกหนักติดต่อหลายวันในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยในส่วนของพื้นที่โซนอนุรักษ์ด้านเหนือ คือ อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ศรีสวัสดิ์ และพื้นที่ป่าในเขตรอยต่อ จ.อุทัยธานี ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์อยู่ในปริมาณประมาณ 84-85% ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนทั้งสองแห่งยังสามารถรับน้ำได้อีกมาก
ซึ่งการบริหารจัดการน้ำมีแนวทางปฏิบัติโดยระบายน้ำตามที่คณะกรรมการส่วนกลางกำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะน้ำในเขื่อนทั้งสองแห่งถือเป็นแหล่งน้ำดิบที่ต้องบริหารจัดการให้เหมาะสม เพราะเป็นแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภค รวมถึงน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรม และต้องใช้ผันน้ำไปเป็นแหล่งน้ำดิบให้แก่การประปานครหลวงอีกด้วย
ดังนั้น จึงถือว่าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สิ่งที่กำลังจับตาเฝ้าระวังคือ การที่ฝนตกในพื้นที่หลังเขื่อนที่มีปริมาณมากพอสมควรก็สั่งให้อำเภอต่างๆ คือ อ.ไทรโยค อ.ด่านมะขามเตี้ย อ.เมืองกาญจนบุรี อ.พนมทวน และ ปภ.กาญจนบุรี แจ้งเตือนให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวัง
ส่วนอีกพื้นที่ในโซนอีสานด้านตะวันออก คือพื้นที่ อ.หนองปรือ อ.บ่อพลอย อ.เลาขวัญ และ อ.ห้วยกระเจา ก็ยังมีพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งอยู่อีกเช่นกัน ดังนั้น จึงต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อมิให้เกิดความเดือดร้อนซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก