ตราด - ชาวประมงพื้นบ้านลากอวนจับปลาทูเผย ปลาทูช่องช้างลดลง ส่งผลรายได้หด จี้ประมงอวนลากคู่ทำประมงในเขต 3,000 เมตร และเกิดมรสุมหยุดทำประมง
จากการที่เกิดลมมรสุม และร่องความกดอากาศในอ่าวไทยส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก คลื่นลมแรง ทำให้เรือประมงขนาดเล็ก และประมงพื้นบ้านไม่สามารถออกไปทำประมงได้ มีเฉพาะเรือประมงลากคู่ขนาดใหญ่ที่สามารถทำประมงได้
นายสุภาพ ยิสารคุณ ชาวประมงอวนลอยปลาทู ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ชาวประมงพื้นบ้านของน้ำเชี่ยวจะออกทำการประมงในพื้นที่ช่องช้างเพื่อจับปลาทู และสัตว์น้ำอื่นในบริเวณช่องช้าง (พื้นที่ทะเลฝั่ง อ.แหลมงอบ- อ.เกาะช้าง) ที่เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อนของ จ.ตราด ที่มีความสมบูรณ์ แต่ปัจจุบัน สัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาทูที่มีความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่มีปริมาณลดลงเนื่องจากการทำประมงของเรือขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรืออวนลากคู่ เรือคราดหอยที่เข้ามาจับปลา หรือทำประมงในพื้นที่ 3,000 เมตร ส่งผลกระทบต่อจำนวนสัตว์น้ำที่ลดลง
“ที่ผ่านมา การออกทำประมงแต่ละครั้งจะได้ปลาทูโดยเฉลี่ย 30-40 กิโลกรัม และเคยได้มากที่สุดถึง 100 กิโลกรัม หากนำไปขายในท้องตลาดจะมีรายได้ 1,500- 4,000 บาท ซึ่งก็คุ้มค่าสำหรับการออกไปในแต่ละครั้ง”
นายสุภาพ กล่าวอีกว่า อีกปัญหาหนึ่งก็คือ ปัญหาลมมรสุม และร่องความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้มีคลื่นทะเลสูง เรือประมงขนาดเล็กไม่สามารถออกไปทำประมงได้ รายได้ก็ไม่เพียงพอ การออกไปในแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงขึ้นด้วย
จากการที่เกิดลมมรสุม และร่องความกดอากาศในอ่าวไทยส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก คลื่นลมแรง ทำให้เรือประมงขนาดเล็ก และประมงพื้นบ้านไม่สามารถออกไปทำประมงได้ มีเฉพาะเรือประมงลากคู่ขนาดใหญ่ที่สามารถทำประมงได้
นายสุภาพ ยิสารคุณ ชาวประมงอวนลอยปลาทู ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ชาวประมงพื้นบ้านของน้ำเชี่ยวจะออกทำการประมงในพื้นที่ช่องช้างเพื่อจับปลาทู และสัตว์น้ำอื่นในบริเวณช่องช้าง (พื้นที่ทะเลฝั่ง อ.แหลมงอบ- อ.เกาะช้าง) ที่เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อนของ จ.ตราด ที่มีความสมบูรณ์ แต่ปัจจุบัน สัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาทูที่มีความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่มีปริมาณลดลงเนื่องจากการทำประมงของเรือขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรืออวนลากคู่ เรือคราดหอยที่เข้ามาจับปลา หรือทำประมงในพื้นที่ 3,000 เมตร ส่งผลกระทบต่อจำนวนสัตว์น้ำที่ลดลง
“ที่ผ่านมา การออกทำประมงแต่ละครั้งจะได้ปลาทูโดยเฉลี่ย 30-40 กิโลกรัม และเคยได้มากที่สุดถึง 100 กิโลกรัม หากนำไปขายในท้องตลาดจะมีรายได้ 1,500- 4,000 บาท ซึ่งก็คุ้มค่าสำหรับการออกไปในแต่ละครั้ง”
นายสุภาพ กล่าวอีกว่า อีกปัญหาหนึ่งก็คือ ปัญหาลมมรสุม และร่องความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้มีคลื่นทะเลสูง เรือประมงขนาดเล็กไม่สามารถออกไปทำประมงได้ รายได้ก็ไม่เพียงพอ การออกไปในแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงขึ้นด้วย
