ชาวอ่างทองตื่นพบผีเสื้อหน้าตาแปลกหน้าตาเหมือนคน

อ่างทอง - ชาวบ้านอ่างทองตื่นพบผีเสื้อประหลาด มีลายหน้าตาเหมือนคน ออกเล่นไฟตอนกลางคืน เผยตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 60 กว่ายังไม่เคยพบ ขณะที่จากการตรวจสอบพบเป็นผีเสื้อชนิดกลางคืนชนิดหนึ่งเคยมีคนพบแล้วตั้งฉายา “ผีเสื้อเปาบุ้นจิ้น”

วันนี้ (7 ก.ย.) ชาวบ้านในตลาดอ่างทอง ต่างมามุงดูผีเสื้อประหลาด ที่นายประชา ดำรงค์ศรี อายุ 66 ปี ชาว ต.อ่างแก้ว อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง จับได้ที่หลังบ้านพักขณะที่ฝนกำลังตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยผีเสื้อมีลักษณะที่แปลกกว่าผีเสื้อที่พบทั่วไป ส่วนปีกมีลายหน้าตาเหมือนคน คือ มีตา มีจมูก และหนวด คล้ายคน สร้างความแปลกใจให้แก่ผู้ที่เดินมามุงดูผีเสื้อตัวดังกล่าวเป็นอย่างมาก

นายประชา ดำรงค์ศรี เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมามีฝนตกหนัก ขณะที่ตนนั่งอยู่หลังบ้าน พบผีเสื้อตัวดังกล่าวมาเล่นไฟ และตกลงข้างตัวของตน ตนสังเกตเห็นความแปลกของผีเสื้อตัวดังกล่าวที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายมนุษย์ยาวประมาณ 6 ซม. สีน้ำตาลอ่อนปนน้ำตาลแก่ ผสมรอยแต้มสีดำเข้มและอ่อนลดหลั่นกัน ดูเหมือนภาพวาดด้วยสีดำ พบว่าลักษณะคล้ายตาสองข้าง มีปากและหนวดขึ้นมาอย่างใบหน้าของผู้ชายดุ จึงจับใส่ถุงมาเพื่อนำมาดู เมื่อนำมาที่ตลาดอ่างทองก็มีคนขอดูกันเป็นจำนวนมาก และวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา จึงนำมาให้ผู้สื่อข่าวดูว่าเป็นผีเสื้อชนิดใดกันแน่ หากเป็นผีเสื้อพันธุ์หายากก็จะเก็บไว้เพื่อมอบให้แก่พิพิธภัณฑ์แมลงนำไปศึกษา

หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ค้นหาข้อมูลของผีเสื้อดังกล่าว พบว่า มอธ หรือ ผีเสื้อกลางคืนชนิดนี้คือ “มอธพิรามหน้ายักษ์” ชื่อภาษาอังกฤษ คือ Eyed Rustic ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Spirama helicina ขนาดปีกกว้างประมาณ 6.5-7.5 ซม. ซึ่งอาจารย์เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์ กับ ดร.จารุจินต์ นภีตะภัฏ เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมของมอธชนิดนี้ไว้ในหนังสือ “คู่มือแมลง”ว่า “ตอนกลางวันชอบอาศัยอยู่ตามดงหญ้าสูง หากตกใจจะบินหนีแล้วพุ่งลงในดงหญ้าเหมือนเดิม” เป็น มอธ ที่อาศัยอยู่ทั่วไป พบทั้งในป่าดิบเขา และที่เป็นทุ่งหญ้า พบได้ทั่วประเทศไทย ไม่ใช่ผีเสื้อ หรือมอธหายากแต่ประการใด เพียงแต่ตอนกลางวันมันชอบหลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดๆ มากกว่า ทำให้คนไม่ค่อยได้เห็นตัวมันเท่านั้น

สำหรับผีเสื้อดังกล่าว เคยมีผู้พบเห็น และตั้งฉายาว่า ผีเสื้อเปาบุ้นจิ้น เนื่องจากมีลักษณะคล้ายหน้าตาในอุปรากรจีน หรืองิ้ว ที่ผ่านมาเคยมีผู้พบเห็น และวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ทำให้เกิดความเชื่อในเรื่องของโชคลาภ ซึ่งก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล