พระนครศรีอยุธยา - นายก อบต.สามเรือน อำเภอบางปะกิน พระนครศรีอยุธยา ออกสำรวจความเสียหายนาข้าวของชาวนา หลังจมน้ำได้รับความเสยหาย พร้อมแจงน้ำท่วมนาข้าวชาวนาไม่เกี่ยวไม่เกี่ยวทดลองปล่อยน้ำของรัฐบาล ชี้เหตุมาจากฝนตก 80% น้ำของชลประทาน 22% เผยเตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยชาวนาที่ข้าวจม
เวลา 10.00 น.วันนี้ (6 ก.ย.) นายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมาสำรวจความเสียหายนาข้าวของชาวนาในพื้นที่ หมู่ 7 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน หลังจากนาข้าวของชาวนาถูกน้ำท่วม
นายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามเรือน กล่าวว่า น้ำที่ท่วมในนาข้าวของชาวนาขณะนี้เป็นน้ำฝนประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ และมีน้ำของชลประทาน 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการระบายน้ำเพื่อการทดลองปล่อยน้ำของรัฐบาล ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการปลูกข้าวนาปี และนาปรัง ส่งผลต่อการเปิดปิดประตูน้ำและระบายน้ำ บริเวณที่น้ำท่วมเกิดจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในนาข้าวนาปีที่เกษตรปลูกมีน้ำท่วมสูงขึ้นอีก 50-60 ซม.
“ส่วนการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวนาที่ข้าวถูกน้ำท่วมจมน้ำได้รับความเสียหาย จะมีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ชาวนา และชลประทาน เพื่อหาทางช่วยเหลือนาข้าวที่จมน้ำในขณะนี้ ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าระดับน้ำในทุ่งโรจนะมีระดับน้ำสูงกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา 1 เมตรเศษ และมีความเป็นไปได้สูงจะต้องทำการระบายน้ำจากทุ่งโรจนะลงสู่เจ้าพระยาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นาข้าวไม่จมน้ำ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอที่ประชุมตัดสินใจอีกครั้ง เนื่องจากในทุ่งโรจนะพบว่ายังมีเกษตรกรนาปีที่ต้องการน้ำรวมอยู่ด้วย ซึ่งการเปิดประตูระบายน้ำอาจจะส่งผลกระทบต่อข้าวนาปรังอีก 200 ไร่ด้วย”
นายศุภฤกษ์ ยังเห็นว่า ต่อไปเกษตรกร และชลประทานต้องมีการหารือตกลงกันว่าการปลูกข้าวนาปี และนาปรังจะทำอย่างไร เกษตรกรพยายามทำปีละ 2 ครั้ง ทำให้มีผลต่อการปิดเปิดประตูระบายน้ำ จนเกิดปัญหาน้ำท่วมนาข้าวเวลาฝนตกหนัก เพราะไม่รู้จะเปิดประตูน้ำได้อย่างไร เกรงจะไปกระทบพื้นที่นาอีกจำนวนมาก
เวลา 10.00 น.วันนี้ (6 ก.ย.) นายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมาสำรวจความเสียหายนาข้าวของชาวนาในพื้นที่ หมู่ 7 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน หลังจากนาข้าวของชาวนาถูกน้ำท่วม
นายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามเรือน กล่าวว่า น้ำที่ท่วมในนาข้าวของชาวนาขณะนี้เป็นน้ำฝนประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ และมีน้ำของชลประทาน 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการระบายน้ำเพื่อการทดลองปล่อยน้ำของรัฐบาล ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการปลูกข้าวนาปี และนาปรัง ส่งผลต่อการเปิดปิดประตูน้ำและระบายน้ำ บริเวณที่น้ำท่วมเกิดจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในนาข้าวนาปีที่เกษตรปลูกมีน้ำท่วมสูงขึ้นอีก 50-60 ซม.
“ส่วนการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวนาที่ข้าวถูกน้ำท่วมจมน้ำได้รับความเสียหาย จะมีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ชาวนา และชลประทาน เพื่อหาทางช่วยเหลือนาข้าวที่จมน้ำในขณะนี้ ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าระดับน้ำในทุ่งโรจนะมีระดับน้ำสูงกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา 1 เมตรเศษ และมีความเป็นไปได้สูงจะต้องทำการระบายน้ำจากทุ่งโรจนะลงสู่เจ้าพระยาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นาข้าวไม่จมน้ำ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอที่ประชุมตัดสินใจอีกครั้ง เนื่องจากในทุ่งโรจนะพบว่ายังมีเกษตรกรนาปีที่ต้องการน้ำรวมอยู่ด้วย ซึ่งการเปิดประตูระบายน้ำอาจจะส่งผลกระทบต่อข้าวนาปรังอีก 200 ไร่ด้วย”
นายศุภฤกษ์ ยังเห็นว่า ต่อไปเกษตรกร และชลประทานต้องมีการหารือตกลงกันว่าการปลูกข้าวนาปี และนาปรังจะทำอย่างไร เกษตรกรพยายามทำปีละ 2 ครั้ง ทำให้มีผลต่อการปิดเปิดประตูระบายน้ำ จนเกิดปัญหาน้ำท่วมนาข้าวเวลาฝนตกหนัก เพราะไม่รู้จะเปิดประตูน้ำได้อย่างไร เกรงจะไปกระทบพื้นที่นาอีกจำนวนมาก