บุรีรัมย์ - ตร.บุรีรัมย์จับเสี่ยร้านรับซื้อของเก่า และลูกน้องลักแบตเตอรี่สถานีส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ 3 ค่ายใหญ่ “ดีแทค-เอไอเอส-ทรูมูฟ” ได้ของกลางอื้อ 44 ลูก มูลค่าร่วม 5 ล้าน อ้างรับซื้อจากลูกค้าเตรียมส่งขายให้บริษัทที่ จ.ฉะเชิงเทรา ตร.ไม่ปักใจเชื่อ เตรียมขยายผลถึงขบวนการใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ต.อ.รวีวรรธน์ เทียนสุวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.พิศิษฎ์ ศรีสุพล ผกก.สภ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาลักแบตเตอรี่สัญญาณโทรศัพท์ หลังตำรวจ สภ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ได้ตั้งด่านตรวจสกัดที่บริเวณหน้าตู้ยามเฉลิมพระเกียรติ ถ.สายละหานทราย-ตาพระยา ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง พบรถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บน 5025 สุรินทร์ วิ่งมาจากทาง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ มุ่งหน้าไปทาง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อขอตรวจค้น
โดยมี นายทวีบูรณ์ เทิดไพรสันต์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/1 ถ.ศิริรัฐ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นคนขับ และนายถวิล ศาลารัมย์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/1 ถ.ศรีบัวราย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่นั่งมาในรถด้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบบนกระบะรถยนต์ พบบรรทุกแบตเตอรี่เก่าจำนวนหลายลูกวางทับผ้าใบและกล่องกระดาษปกปิดสิ่งของด้านล่างไว้อย่างมิดชิด จึงได้ตรวจสอบดูสิ่งของด้านล่าง พบแบตเตอรี่ของบริษัททรูมูฟ ยี่ห้อนาราด้า สีดำ จำนวน 20 ลูก แบตเตอรี่ของบริษัทดีแทค ยี่ห้อฮาเช่ สีดำ จำนวน 20 ลูก และแบตเตอรี่ของบริษัทเอไอเอส ยี่ห้อวีวิชั่น สีดำ จำนวน 4 ลูก
สอบสวนนายทวีบูรณ์ให้การว่า ได้เปิดร้านรับซื้อของเก่า ชื่อร้านกิมจุ้ย ตั้งอยู่เลขที่ 42 ถ.สุรินทร์ภักดี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ส่วนนายถวิลเป็นลูกจ้างภายในร้าน โดยรับว่าซื้อแบตเตอรี่ทั้งหมดมาจากลูกค้าในเขต จ.สุรินทร์ที่นำมาขายให้ที่ร้าน และจะบรรทุกนำไปส่งที่บริษัท ไทยนันเฟอรัสเมทัล จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทางบริษัทเจ้าของแบตเตอรี่ทั้ง 3 บริษัทให้มาตรวจสอบดูแบตเตอรี่ดังกล่าว เมื่อตัวแทนของบริษัททั้ง 3 บริษัทตรวจดูแล้วชี้ยืนยันว่าเป็นแบตเตอรี่ของบริษัททั้ง 3 ที่ถูกคนร้ายลักไปจากสถานีส่งสัญญาณโทรศัพท์จริง ซึ่งบริษัททั้ง 3 แจ้งว่าได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้งสองพร้อมตรวจยึดรถยนต์และแบตเตอรี่ทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร”
พ.ต.อ.รวีวรรธน์ เทียนสุวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขอชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีไหวพริบจนสามารถจับกุมขบวนการลักแบตเตอรี่สถานีส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ได้พร้อมของกลางแบตเตอรี่จำนวน 44 ลูก หากขายไปจะมีมูลค่าลูกละ 50,000-100,000 บาท รวมมูลค่าร่วม 5 ล้านบาท แม้ผู้ต้องหาจะอ้างว่ารับซื้อมาจากลูกค้าเพื่อส่งต่อให้บริษัทก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อเพราะว่าของกลางมีจำนวนมาก เตรียมขยายผลถึงขบวนการใหญ่ต่อไป โดยในช่วงที่ผ่านมาทางบริษัทฯ แจ้งว่าได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้วที่ สภ.ลำปลายมาศ และ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เป็นคดีในลักษณะเดียวกันนี้
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ในพื้นที่รับผิดชอบเพิ่มมาตรการตรวจตราคุมเข้มมากขึ้น พร้อมทั้งกวดขันตรวจจับแก๊งลักขโมย และตั้งด่านตรวจสกัดตามเส้นทางต่างๆ ทั้งจังหวัด เพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่อย่างเข้มงวดด้วย