สระแก้ว - ทหารพรานค้นเข้ม 105 เขมรมุสลิมลงชายแดนใต้ พบซุกอุปกรณ์แปลงไฟสำหรับใช้ในป่าเข้ามาด้วย เจ้าหน้าที่สอบเข้ม หวั่นนำไปสนับสนุนกลุ่มโจรใต้ อ้างเพื่อนชาวเขมรมุสลิมฝากไปให้เพื่อนที่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก
วันนี้ (3 ก.ย.) พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา สั่งการให้ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จังหวัดสระแก้ว และ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต สวป.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว นำกำลังตั้งจุดตรวจค้นบริเวณจุดตรวจร่วมทางเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจสอบชาวเขมรมุสลิมที่จะเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยอย่างเข้มงวด
ร.อ.อภินันท์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รายงานว่าได้ตรวจพบชาวเขมรมุสลิมจำนวนมาก เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย เมื่อถึงจุดตรวจร่วมฯ สอบถามทราบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิม ทั้งหมดรวม 105 คน เป็นชาย 69 คน หญิง 36 คน จะเดินทางไปชายแดนภาคใต้ของไทย มีทั้งไป จ.ปัตตานี, จ.นราธิวาส และบางส่วนอ้างว่าจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ จึงเชิญตัวลงไปเพื่อขอตรวจค้นในกองร้อยทหารพรานบ้านคลองลึก หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการตรวจค้นพบหญิงชาวเขมรมุสลิมซึ่งเดินทางมาจาก จ.กัมปงจาม ประเทศกัมพูชา ซึ่งอ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ของไทยจำนวน 4 คน ไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามปฏิเสธว่าไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้า แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงกักตัวไว้ก่อนจนกระทั่งทำการสอบประวัติถ่ายภาพชาวเขมรมุสลิมที่เหลือจำนวน 101 คนเสร็จสิ้น หญิงชาวเขมรทั้ง 4 คน จึงยอมรับว่า มีกระเป๋าสัมภาระเข้ามาด้วย โดยว่าจ้างกรรมกรชาวเขมรเข็นบรรทุกใส่รถเข็นไม้สองล้อลักลอบเข็นไปไว้ที่รถยนต์ตู้ที่เช่าเหมาไปส่ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งจอดอยู่ในตลาดโรงเกลือ เจ้าหน้าที่ จึงให้ไปนำมาตรวจค้น
ร.อ.อภินันท์ เผยว่า จากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของนางเต็ท เอียมนาส อายุ 25 ปี และนางฮิม ซาติยาส อายุ 28 ปี ชาวเขมรมุสลิม พบครีมทาผิว และเครื่องสำอาง ชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศเวียตนาม จำนวน 32 รายการ รวมกว่า 570 ชิ้น โดยไม่มีเอกสารการขออนุญาตนำเข้า หรือเสียภาษีแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังพบอุปกรณ์การแปลงไฟสำหรับใช้ในป่าลักษณะคล้ายหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดเล็กชนิดผลิตเอง จำนวน 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่ใต้ครีม และเครื่องสำอาง ซึ่งจากการสอบถามนางเต็ท เอียมนาส และนางฮิม ซาติยาส อ้างว่าไม่ใช่ของตนเองแต่เป็นเครื่องช็อตปลาที่เพื่อนชาวเขมรมุสลิมใน จ.กัมปงจาม ฝากไปให้เพื่อนชาวเขมรมุสลิมที่อยู่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสของไทย ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
ทั้งนี้ เนื่องจากเครื่องดังกล่าวสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ในการชาร์จไฟจากแบตเตอรี่แปลงมาเป็นไฟฟ้าบ้าน เพื่อนำมาชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในป่า เกรงว่าอุปกรณ์ดังกล่าวอาจถูกส่งไปสนับสนุนกลุ่มโจรใต้ เนื่องจากสามารถดัดแปลงเป็นเชื้อปะทุไฟฟ้าเพื่อจุดระเบิดได้
จึงควบคุมตัวมาสอบสวนอย่างเข้มงวด นานกว่า 2 ชม. จากนั้นจึงได้ทำการตรวจยึดอุปกรณ์แปลงไฟ ครีม และเครื่องสำอางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ก่อนอนุญาตให้เดินทางต่อไปได้โดยได้ทำการถ่ายภาพทำประวัติเก็บไว้ทุกคน
วันนี้ (3 ก.ย.) พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา สั่งการให้ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จังหวัดสระแก้ว และ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต สวป.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว นำกำลังตั้งจุดตรวจค้นบริเวณจุดตรวจร่วมทางเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจสอบชาวเขมรมุสลิมที่จะเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยอย่างเข้มงวด
ร.อ.อภินันท์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รายงานว่าได้ตรวจพบชาวเขมรมุสลิมจำนวนมาก เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย เมื่อถึงจุดตรวจร่วมฯ สอบถามทราบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิม ทั้งหมดรวม 105 คน เป็นชาย 69 คน หญิง 36 คน จะเดินทางไปชายแดนภาคใต้ของไทย มีทั้งไป จ.ปัตตานี, จ.นราธิวาส และบางส่วนอ้างว่าจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ จึงเชิญตัวลงไปเพื่อขอตรวจค้นในกองร้อยทหารพรานบ้านคลองลึก หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการตรวจค้นพบหญิงชาวเขมรมุสลิมซึ่งเดินทางมาจาก จ.กัมปงจาม ประเทศกัมพูชา ซึ่งอ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ของไทยจำนวน 4 คน ไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามปฏิเสธว่าไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้า แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงกักตัวไว้ก่อนจนกระทั่งทำการสอบประวัติถ่ายภาพชาวเขมรมุสลิมที่เหลือจำนวน 101 คนเสร็จสิ้น หญิงชาวเขมรทั้ง 4 คน จึงยอมรับว่า มีกระเป๋าสัมภาระเข้ามาด้วย โดยว่าจ้างกรรมกรชาวเขมรเข็นบรรทุกใส่รถเข็นไม้สองล้อลักลอบเข็นไปไว้ที่รถยนต์ตู้ที่เช่าเหมาไปส่ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งจอดอยู่ในตลาดโรงเกลือ เจ้าหน้าที่ จึงให้ไปนำมาตรวจค้น
ร.อ.อภินันท์ เผยว่า จากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของนางเต็ท เอียมนาส อายุ 25 ปี และนางฮิม ซาติยาส อายุ 28 ปี ชาวเขมรมุสลิม พบครีมทาผิว และเครื่องสำอาง ชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศเวียตนาม จำนวน 32 รายการ รวมกว่า 570 ชิ้น โดยไม่มีเอกสารการขออนุญาตนำเข้า หรือเสียภาษีแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังพบอุปกรณ์การแปลงไฟสำหรับใช้ในป่าลักษณะคล้ายหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดเล็กชนิดผลิตเอง จำนวน 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่ใต้ครีม และเครื่องสำอาง ซึ่งจากการสอบถามนางเต็ท เอียมนาส และนางฮิม ซาติยาส อ้างว่าไม่ใช่ของตนเองแต่เป็นเครื่องช็อตปลาที่เพื่อนชาวเขมรมุสลิมใน จ.กัมปงจาม ฝากไปให้เพื่อนชาวเขมรมุสลิมที่อยู่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสของไทย ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
ทั้งนี้ เนื่องจากเครื่องดังกล่าวสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ในการชาร์จไฟจากแบตเตอรี่แปลงมาเป็นไฟฟ้าบ้าน เพื่อนำมาชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในป่า เกรงว่าอุปกรณ์ดังกล่าวอาจถูกส่งไปสนับสนุนกลุ่มโจรใต้ เนื่องจากสามารถดัดแปลงเป็นเชื้อปะทุไฟฟ้าเพื่อจุดระเบิดได้
จึงควบคุมตัวมาสอบสวนอย่างเข้มงวด นานกว่า 2 ชม. จากนั้นจึงได้ทำการตรวจยึดอุปกรณ์แปลงไฟ ครีม และเครื่องสำอางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ก่อนอนุญาตให้เดินทางต่อไปได้โดยได้ทำการถ่ายภาพทำประวัติเก็บไว้ทุกคน