สมอ.ลุยอีสานจับตาเหล็กเบาระบาด ตัวการทำลายธุรกิจก่อสร้างมูลค่ามหาศาล

อุบลราชธานี - สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ชี้เหล็กก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานระบาดหนักในภาคอีสาน แนะผู้ค้าช่วยจับตา ไม่ขายเหล็กไม่ได้คุณภาพ เพราะเป็นตัวการทำลายเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล ส่วนผู้บริโภคก่อนซื้อเหล็กสร้างบ้านควรศึกษาราคาและที่มาของเหล็ก เพื่อความมั่นคงของที่พักอาศัย เมื่อพบสิ่งผิดปกติแจ้ง สมอ.เอาผิดได้

ที่โรงแรมสุนีย์แกรนด์ โฮเทล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นายสุภาพ คลี่ขจาย ผช.รมว.อุตสาหกรรม ร่วมกับผู้ประกอบการค้าวัสดุก่อสร้างในจังหวัดอุบลราชธานี และภาคอีสานตอนล่างกว่า 250 ร้าน สัมมนาการเฝ้าระวังคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ สมอ.ตรวจจับการใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะเหล็กขนาดต่างๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารพาณิชย์และบ้านเรือนที่พักอาศัย ทำให้โครงสร้างเสียหายและบางครั้งถล่มลงมาทับผู้อยู่อาศัยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตตามที่พบเห็นข่าวในระยะหลังมากขึ้น สมอ.จึงเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการผลิตให้มีคุณภาพ รวมทั้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ

เพื่อป้องกันคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ใช้สินค้าเป็นไปตามาตรฐานตามที่ระบุไว้ตามเครื่องหมายการค้า สมอ.จึงเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการผลิตให้มีคุณภาพ รวมทั้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ เพื่อป้องกันคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ใช้สินค้าเป็นไปตามาตรฐานตามที่ระบุไว้ตามเครื่องหมายการค้า

จากนั้นนายสุภาพลงมามอบหมวกนิรภัยให้แก่ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม โดยผู้ขับขี่ต้องนำใบสั่งของเจ้าหน้าที่มาแลกรับหมวกไปคนละ 1 ใบ เพื่อรณรงค์ให้ผู้ขับขี รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยป้องกันอันตรายขณะขับขี่

สำหรับสถิติการตรวจยึดเหล็กหลายชนิดที่ไม่ได้มาตรฐานระหว่างปี 2553-2555 โดยปี 2553 จำนวน 4,122 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 111 ร้อยล้านบาท ปี 2554 ยึดได้ 8,713 ตัน คิดเป็นมูลค่า 235 ล้านบาท และปี 2555 ระหว่างปีงบประมาณเดือนตุลาคม 2554 - มีนาคม 2555 ยึดได้ 1,739 ตัน คิดเป็นมูลค่า 24 ล้านบาท ทำให้เห็นว่าการผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ที่นิยมเรียกว่าเหล็กเบา ยังไม่ถูกควบคุมได้เด็ดขาด และพบมีการระบาดมากที่สุดในภาคอีสาน

เนื่องจากผู้ใช้ขาดความเข้าใจในการใช้เหล็กกับโครงสร้าง รวมทั้งถูกชักจูงด้านราคาเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานที่มีราคาถูกกว่าเหล็กได้มาตรฐาน

การสัมมนาร่วมผู้ประกอบการที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้างครั้งนี้ สมอ.ได้ขอร้องให้ผู้จำหน่ายร่วมกันตรวจสอบคุณภาพเหล็กที่นำมาจำหน่าย เพราะนอกจากผิดกฎหมาย ยังส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจในธุรกิจการก่อสร้างอย่างรุนแรง และส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นอกจากการนำเหล็กไม่ได้มาตรฐานมาใช้ก่อสร้างในภาคเอกชนแล้ว ปัจจุบันยังพบมีการนำเหล็กไม่ได้มาตรฐานมาใช้ในโครงสร้างหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้รับเหมางานก่อสร้างในต่างจังหวัด ทั้งระดับเทศบาล และ อบต. ทำให้โครงสร้างที่เป็นของสาธารณะใช้งานไม่ได้นาน เพราะขาดความแข็งแรง และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ทั้งที่เป็นตัวอาคาร ถนน ฝาย และอื่นๆ

สำหรับเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานที่ สมอ.ตรวจยึดไว้ทั้งหมด จะทำลายให้เหล็กสิ้นสภาพ ทั้งการตัดและการบดทับให้เสียรูปไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ส่วนที่มาของเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานมาจากโรงงานผลิตเหล็กคุณภาพต่ำ โดยการลดขนาดของเนื้อเหล็กน้อยลงกว่าขนาดจริง ทำให้ผู้นำไปใช้เข้าใจผิดคิดเป็นเหล็กตามมาตรฐานที่ต้องการซื้อ แต่เมื่อนำไปใช้กลับรับน้ำหนักไม่ได้ จึงเป็นผลเสียในการก่อสร้างหรือต่อเติมอาคาร ซึ่งกรณีนี้พบมีการทำมากในขณะนี้ และอีกส่วน คือ การนำเหล็กเก่าจากการรื้ออาคารที่สร้างมานานหลายสิบปีมาหลอมใหม่ ทำให้เนื้อเหล็กชั้นในผุกร่อนแตกหักง่าย แต่ในปัจจุบันการหลอมด้วยวิธีนี้ไม่คุ้มค่า จึงไม่ค่อยพบเห็นการทำ การเลือกซื้อควรสังเกตเครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ประทับไว้ หรือเครื่องหมายการค้าของผู้ผลิตที่ให้การรับรองคุณภาพไว้ และอนาคต สมอ.จะมีร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมเข้าร่วมในเครือข่าย

โดยร้านค้าที่เข้าร่วมจะผ่านการตรวจรับรองคุณภาพ พร้อมได้รับป้ายรับประกันคุณภาพสินค้าติดตั้งไว้หน้าร้าน เพื่อช่วยผู้บริโภคในการเลือกซื้อได้สินค้าคุณภาพมากขึ้นด้วย

สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเหล็กไม่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ผู้ผลิตมีความผิดจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้จำหน่ายมีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในส่วนของประชาชนผู้บริโภคหากตกเป็นเหยื่อหรือพบการผลิตหรือจำหน่ายเหล็กไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนหรือแจ้งความเอาผิดได้ที่สายด่วน สมอ. 0-2793-9300 รวมทั้งหาความรู้เพิ่มเติมในการเลือกซื้อเหล็กที่ได้มาตรฐานได้ทางเว็บไซต์ www.tisi.go.th