xs
xsm
sm
md
lg

ตร.สุรินทร์บุกจับเอเยนต์ยาบ้าชายแดนรายใหญ่ – พบอาวุธเพียบ ยึดทรัพย์กว่า 1.6 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตร.ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจ.สุรินทร์ บุกค้นบ้านรวบ 2 ผัวเมียเอเย่นต์ยาบ้าชายแดนไทย-กัมพูชา รายใหญ่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ยึดทรัพย์สินทั้งรถยนต์ รถการเกษตร เงินสด รวมกว่า 16. ล้าน พร้อมอาวุธปืนเพียบ วันนี้ ( 23 ส.ค.)
สุรินทร์ - ตร.ชุดปราบปรามยาเสพติดฯ สุรินทร์ บุกรวบ 2 ผัวเมียเอเย่นต์ยาบ้าชายแดนไทย-กัมพูชารายใหญ่ ด้าน อ.สังขะ ตรวจยึดทรัพย์สินทั้งรถยนต์ รถการเกษตร เงินสดรวมกว่า 16. ล้าน พร้อมอาวุธปืนและกระสุนเพียบ สารรับยาบ้ามาจาก อ.คลองหาด จ.จันทบุรี ส่วนปืนสงคราม เอเค 47 ใช้ยาบ้าแลกมากระบอกละ 30 เม็ด เผยซุกยาบ้านและเงินสดยัดท่อพีวีซีฝังใต้ดิน

วันนี้ (23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.ธีระชัย ชำนาญหมอ หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับ พ.ต.ท.ธนายุทธ ภูมิงาม สารวัตรใหญ่ สภ.ดม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์และสภ.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้สนธิกำลังกว่า 20 นาย นำหมายศาลเข้าตรวจค้นที่ บ้านเลขที่ 172 บ้านขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของนายสาคร หรือน้อย โสภา และ นางสาวคนิตร หรือ นิด พรมหมภักดี สองสามีภรรยา หลังจากสืบทราบว่าเป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ จนมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ ซื้อรถยนต์ รถเพื่อการเกษตรเป็นจำนวนมาก

จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ พบอาวุธปืนสงคราม แบบ เอเค 47 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 20 นัด , ปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ อีก2 กระบอก พร้อม กระสุนปืนอีก 10 นัด , ปืนพกสั้นขนาด .38 มิลลิเมตร อีก 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน และยาบ้าบรรจุหลอดพลาสติกอีกจำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีเงินสด จำนวน 200,000 บาท , รถยนต์เพื่อการเกษตร 2 คัน , รถยนต์กระบะ 1 คัน ,รถจักรยานยนต์ 2 คัน , โทรทัศน์สี 1 เครื่อง , เครื่องขยายเสียง , เครื่องตัดหญ้า , ปั๊มน้ำ , เครื่องเล่น ดีวีดี , บัตรเอทีเอ็ม , สมุดบัญชีเงินฝาก อีก 4 เล่ม , คู่มือทะเบียนรถ เพื่อการเกษตร , คู่มือรถจักรยานยนต์ ,นาฬิกาข้อมือ และ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินทั้งหมดไว้ตรวจสอบ รวมมูลค่ากว่า 1,677,000 บาท

นายสาคร หรือ น้อย โสภา อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเคยต้องโทษคดียาเสพติด ยาบ้า ถูกจับที่ จ.สระแก้ว เมื่อปี 2551 และถูกจำคุก อยู่ 2 ปี 6 เดือน เมื่อพ้นโทษ ออกมาก็มาอยู่กับภรรยา ที่บ้านขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และเมื่อเพื่อนๆ ที่เคยต้องโทษด้วยกันพ้นโทษก็มาชักชวน ให้กลับไปขายยาบ้าอีก เพราะมีรายได้ ดี จึงตัดสินใจ หวนกลับไปขายยาบ้าอีก เพราะความยากจน

โดยไปรับซื้อยาบ้ามาจากชาวไทย ที่ อ.คลองหาด จ.จันทบุรี บรรจุถุงๆ ละ 200 เม็ด ในราคาเม็ดละ 200 บาท เมื่อมาถึงบ้านก็คัดแยก จำหน่ายปลีกในราคาเม็ดละ 300 บาท ได้กำไร เม็ดละ 100 บาท ทั้งนี้ยาบ้าที่นำมาเก็บไว้รอจำหน่าย จะทำการคัดแยกบรรจุใส่หลอดพลาสติก หลอดละ 10 เม็ด ใส่ในท่อพีวีซี ขนาด 2 นิ้ว ยาว 1 ฟุต ทำฝาปิดหัว-ปิดท้ายมิดชิดแล้วฝังไว้ใต้ดินเพื่อรอจำหน่ายให้ลูกค้า เช่นเดียวกับเงินสดที่ได้มาจากการขายยาบ้า ก็จะนำไปใส่ในท่อพีวีชี ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ทำฝาปิดหัว- ปิดท้ายแล้วฝังซ่อนไว้ใต้ดิน

ส่วนอาวุธปืนสงคราม เอเค 47 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน นั้น มีลูกค้า ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นำมาแลกกับยาบ้า จำนวน 30 เม็ดเท่านั้น ซึ่งลูกค้าที่มาชื้อยาบ้า ส่วนใหญ่เป็นคนไทยใช้แรงงาน ทำงานรับจ้าง ในสวนป่า ไร่อ้อย สวนยางพารา และโรงงานแปรรูปไม้ ในพื้นที่

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดี กับผู้ต้องหาสองสามีภรรยาทั้ง 2 คน ในข้อหา เกี่ยวกับมียาเสพให้โทษประเภท1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และข้อหามีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงครามไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งข้อหา มีไม้แปรรูป หวงห้ามไว้ในครอบครอง เกินกฎหมายกำหนด






กำลังโหลดความคิดเห็น