บุรีรัมย์ - จนท.ป่าไม้บุรีรัมย์ สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจ และ ตชด. บุกจับ “ผู้ช่วย ผญบ.”และเป็นสามีผู้ใหญ่บ้าน ลักลอบแปรรูปไม้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย พร้อมยึดของกลางไม้หวงห้ามหลายชนิดจำนวนมาก เป็นไม้ท่อนขนาดใหญ่กว่า 50 ท่อน และแปรรูปแล้วกว่า 300 แผ่น มูลค่าหลายล้าน เจ้าตัวอ้างจะนำไปสร้างศาลา จนท.เชื่อทำเพื่อการค้า คาดลักลอบตัดมาจากป่าทั้งในและนอกพื้นที่
ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ บร.3 (ประโคนชัย) นำโดย นายชาติชาย สุวรรณชาติ หัวหน้าป้องกันป้องกันรักษาป่าที่ บร.3 และนายบัลลังก์ ไวยทยาวันศิริ ปลัดอาวุโสอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้สนธิกำลังฝ่ายปกครองอำเภอประโคนชัย ตำรวจ สภ.บ้านบัว และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าทำการตรวจสอบบ้านไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่บริเวณหลังโรงเรียนบ้านบัว ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
หลังได้รับรายงานจากสายว่า มีการลักลอบแปรรูปไม้หวงห้ามโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพบไม้หวงห้ามหลายชนิด เช่น ไม้ประดู่ ไม้พลวง และไม้มะค่าแต้ ที่แปรรูปแล้วเตรียมส่งขายกว่า 300 แผ่น และไม้ท่อนขนาดใหญ่อีกกว่า 50 ท่อน
จากการสอบสวนทราบที่ดินดังกล่าวเป็นของ นางพฤกษา บุตรประโคน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.จรเข้มาก แต่ให้ นายอมรพันธ์ บุตรประโคน อายุ 52 ปี สามี ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่เดียวกันมารับสารภาพว่าเป็นเจ้าของไม้ดังกล่าวแทน พร้อมอ้างว่าแปรรูปจะนำไปสร้างศาลา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคาดว่าน่าจะทำเพื่อการค้า ประกอบกับนายอมรพันธ์ ไม่สามารถชี้แจงและไม่มีหลักฐานแสดงที่ไปที่มาของไม้ทั้งหมดได้
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวนายอมรพันธ์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านบัว ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นได้ถูกแจ้งข้อหา “มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไม้แปรรูปหวงห้ามไว้ในครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนไม้ของกลางที่ตรวจยึดทราบว่า ได้ลักลอบตัดมาจากป่าสาธารณะและป่าชุมชน ทั้งในและนอกพื้นที่ ซึ่งจะได้ทำการขนย้ายไปเก็บไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าต่อไป
ด้าน นายบัลลังก์ ไวยทยาวันศิริ ปลัดอาวุโสอำเภอประโคนชัย กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีการลักลอบแปรรูปไม้หวงห้ามในพื้นที่นายอำเภอประโคนชัย ก็ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอ สนธิกำลังกับหลายฝ่าย เข้าทำการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิด เพราะถือเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ส่วนกรณีดังกล่าวที่เจ้าของไม้เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นสามีผู้ใหญ่บ้าน หากผลการสอบสวนว่าผิดจริงก็จะต้องถูกดำเนินการเอาผิดทางวินัยด้วยเช่นกัน