ระยอง-พบแล้วศพลูกเรือประมง ที่เกิดระเบิดกลางทะเล โดยสภาพศพที่บริเวณใบหน้าถูกไฟลวกเป็นแผลขนาดใหญ่
วันนี้(14 ส.ค.) พ.ต.ท.อุทิศ ธรรมสมบัติ พนักงานสอบสวน(สบ.3)สภ.เมืองระยอง รับแจ้งจากนายเกรียงศักดิ์ วงศ์เมือง อายุ 53 ปี พบศพนายวรวุฒิ สวัสดี อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 13 ต.พรหมเทพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ลูกเรือประมงที่ประสบอุบัติเหตุเหตุไฟไหม้และระเบิดกลางทะเลระยอง เมื่อคืนวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา ศพลอยน้ำอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 3 ไมล์ทะเล
ขณะนี้ได้นำศพมาขึ้นฝั่งบริเวณชุมชนแหลมรุ่งเรือง เขตเทศบาลนครระยอง จึงเดินทางไปตรวจพิสูจน์ พร้อมแพทย์เวร รพ.ระยองและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างพรกุศลระยอง พบศพนายวรวุฒิ สภาพศพมีลักษณะบวมอืดทั้งลำตัว ที่ใบหน้ามีร่องรอยถูกไฟลวกเป็นแผลมีเลือดไหลออกทางจมูก สวมใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขาสามส่วนสีดำ
จากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานหรือสิ่งของในตัวผู้ตาย จึงบันทึกเป็นหลักฐาน โดยมีญาติผู้ตายมายืนดูเหตุการณ์ด้วยความโศกเศร้า จากนั้นได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างพรกุศลนำศพไปตรวจพิสูจน์ที่รพ.ระยองให้แน่ชัดอีกครั้ง
ด้านนายเกรียงศักดิ์ วงศ์เมือง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของผู้ตายทราบว่า ในวันเดียวกันนี้ตนพร้อมญาติได้ว่าจ้างเรือประมงพื้นบ้านในชุมชนแหลมรุ่งเรือง ออกทะเลค้นหาศพหลานชาย บริเวณจุดเกิดไฟไหม้และระเบิด จากการค้นหาพบศพหลานชายลอยอยู่กลางทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 3 ไมล์ จึงนำศพขึ้นมาบนฝั่งเพื่อให้ตำรวจตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต
นายพีรธร นาคสุข เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง กล่าวว่ากรณีเรือประมงประสบอุบัติเหตุไฟไหม้และเกิดระเบิดทำให้เรือดังกล่าวจมใต้ทะเลและมีลูกเรือเสียชีวิต 1คน จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายวิริยะ มีพันธ์ ไต๋เรือลำที่เกิดเหตุ ข้อหาไม่มีใบประกาศนียบัตรควบคุมเรือ พร้อมดำเนินคดีเจ้าของเรือใช้เรือโดยไม่มีทะเบียนเรือ
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบชันสูตรพลิกศพนายวรวุฒิ สวัสดี ลูกเรือที่เสียชีวิต ส่วนกรณีที่จะต้องทำการกู้ซากเรือจากทะเลซึ่งมีความลึกประมาณ 8 เมตรเศษ เพื่อนำขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่ามีการดัดแปลงขนถ่ายน้ำมันจริงหรือไม่นั้น ตามกฎหมายเจ้าของเรือต้องเป็นผู้ดำเนินการกู้ซากเรือ ขณะนี้ได้ประสานศูนย์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) นำทุ่นสีส้มไปวางล้อมรอบบริเวณพื้นที่จุดเกิดเหตุเรือจม หวั่นเรือสินค้าที่ผ่านน่านน้ำเข้ามาบริเวณนี้อาจได้รับอุบัติเหตุได้ ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางน้ำซ้ำซ้อนได้