เชียงราย - กรรมาธิการชายแดนฯ ยกคณะดูพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ก่อยตะลุยเข้าเส้นทางยุทธศาสตร์ R3b เล็งเสนอขยายเวลาเปิดด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็กจนถึงเที่ยงคืน-เปิดช่องให้พม่าถือบัตรผ่านแดนเข้าถึงตัวเมืองเชียงราย พร้อมยกเลิกกฎอัยการศึก ดันทหารถอยออกจากพื้นที่ ส่ง ตชด.คุมแทน รับบรรยากาศเปิด AEC
เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการกิจการ (กมธ.) ชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร
ได้เดินทางไปยังชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อศึกษาดูงานตามเส้นทางสายอาร์สามบีไทย-พม่า-จีนตอนใต้ สายแม่สาย-เชียงตุง-เมืองลา โดยมีกำหนดเดินทางไปพักที่เมืองลา 1 คืน ก่อนเดินทางกลับในวันที่ 11 ส.ค.55 นี้ หลังจากถนนสายดังกล่าวถูกใช้เพื่อการเดินทางภายในพม่า และการท่องเที่ยวจากฝั่งไทยเป็นประจำ แต่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทางการพม่าได้มีการปิดด่านต้าล้อ เชื่อมชายแดนพม่า-จีนตอนใต้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อม 3 ประเทศได้เหมือนเดิม
ดร.กิตติวัฒน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เลขานุการ กมธ.และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการลุ่มแม่น้ำโขง หรือจีเอ็มเอส บอกว่า กมธ.เดินทางไปครั้งนี้เพื่อศึกษาเส้นทาง และนำเสนอแนวทางการพัฒนาไปยังฝ่ายบริหารให้ดำเนินการต่อไป เนื่องจากในปี 2558 หรืออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีแล้ว แต่จากการตรวจสอบด่านพรมแดนของไทยหลายจุดยังคงพบปัญหาเรื่องความไม่พร้อมที่จะรองรับเออีซีอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะด้านการบูรณาการการทำงาน บุคลากร กฎหมาย ฯลฯ จึงจะนำเสนอให้มีการปรับปรุง และพัฒนาก่อนถึงเวลาดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้ไปศึกษาตามถนนสายอาร์สามบี เพื่อให้ครบวงจร เบื้องต้นพบว่า ทางการพม่าได้เปิดให้คนไทยสามารถใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว หรือบอร์เดอร์พาส ในการเดินทางไปตามถนนอาร์สามบี จนถึงเมืองลา ชายแดนจีน ระยะทางกว่า 257 กิโลเมตรได้เลย แต่คนพม่าสามารถเดินทางเข้าไทยจาก อ.แม่สาย ได้แค่ประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น
ดร.กิตติวัฒน์ กล่าวอีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ทาง กมธ.โดยคณะอนุกรรมาธิการลุ่มแม่น้ำโขงหรือจีเอ็มเอส ได้ศึกษาแล้ว และจะนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อเปิดให้ชาวพม่าสามารถมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน คือ ให้สามารถใช้บอร์เดอร์พาส เดินทางเข้าไปถึงตัว อ.เมือง จ.เชียงราย ระยะทางจากชายแดนประมาณ 60 กิโลเมตร รวมทั้งจะเสนอให้มีการเปิดด่านพรมแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย ให้ยาวนานถึงเวลา 22.00 น.จากเดิมที่เปิดตั้งแต่เวลา 06.30-18.30 น. เพื่อขยายโอกาสทางการค้า และการท่องเที่ยวระหว่างกันอันจะเป็นการรองรับจีเอ็มเอส และเออีซีมากขึ้นด้วย
“ด้านด่านพรมแดนไทย-สปป.ลาว ที่ อ.เชียงของ ก็จะผลักดันให้เปิดด่านในเวลา 06.30 น.เท่ากับด่านด้าน อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ เพราะปัจจุบัน มีการเปิดด่านในช่วงสายเวลา 08.00 น.ซึ่งอาจจะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และรองรับอนาคต โดยเฉพาะรองรับการค้า และการท่องเที่ยวเชื่อมไทย-สปป.ลาว-จีน” ดร.กิตติวัฒน์ กล่าว
ในแง่ของความมั่นคงก็ได้มีการศึกษา และมีความเห็นว่า ควรจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกตลอดแนวชายแดนไทย เนื่องจากปัจจุบัน ยังคงมีการใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่กว่า 178 อำเภอ ระยะทางรวมกันกว่า 300 กิโลเมตรอยู่ ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการจะเข้าสู่เออีซี ส่วนการดูแลชายแดนก็คงจะผลักดันให้รัฐบาลใช้ยุทธศาสตร์ให้ทางทหารได้ถอนตัวออกจากชายแดน และให้ทางตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าไปดูแลแทน เพื่อให้สอดคล้องกับเออีซีต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ครั้งนี้ทาง กมธ.ได้พบกับเจ้าหน้าที่ของทางการพม่าที่ จ.ท่าขี้เหล็ก และได้รับแจ้งว่า ปัจจุบัน ที่ด่านต้าล้อ ยังคงไม่ได้เปิดเชื่อมพม่า-จีน เนื่องจากในอดีต มีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อยที่ยังไม่ยินยอมขึ้นต่อรัฐบาลกลางพม่า แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ดีขึ้นมากเนื่องจากรัฐบาลพม่ายอมรับการเจรจาปรองดองกับชนกลุ่มน้อยทั่วไป คาดว่า จะมีการเปิดด่านได้ในเร็วๆ นี้ต่อไป
สำหรับเมืองลา เป็นเขตเศรษฐกิจในเขตปกครองพิเศษที่ 4 ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทใหญ่ และเคยเป็นเขตอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ในพม่า ที่ผ่านมาเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวไทย-จีน เพราะมีทั้งบ่อนกาสิโน โรงแรม เขตการค้า ฯลฯ รวมทั้งเคยใช้เชื่อมเส้นทางไทย-จีน ได้อีกเส้นทางหนึ่งด้วย นอกเหนือจากถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ผ่าน อ.เชียงของ ในปัจจุบัน
