เชียงราย - นายอำเภอเทิง พร้อมผู้บริหาร อบต.ตับเต่า ดึงผู้นำชุมชน-ผู้นำตระกูลแซ่ รวมถึงชนเผ่าต่างๆ จาก 14 หมู่บ้าน เข้าพิธีสาบานตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมจัด “หมอผีม้ง” จุดธูป ตีฆ้อง เคาะไม้ ร่ายมนตร์สาปแช่งกำกับ หากใครฝ่าฝืนต้องมีอันเป็นไปทั้งต่อตัวเอง-ครอบครัว
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่หอประชุม โรงเรียนบ้านแผ่นดินทอง ม.12 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตับเต่า ได้จัดให้มีกิจกรรมโครงการศูนย์ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด อบต.ตับเต่า โดยมี นายสุทธิรักษ์ รักเจริญ นายอำเภอเทิง เป็นประธาน และนายเอกชัย หาญสุวรรณชัย นายก อบต.ตับเต่า นำผู้นำชุมชน ผู้นำตระกูลแซ่ และประชาชนจากชนเผ่าต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเผ่าม้งในพื้นที่ 14 หมู่บ้านจากทั้งหมด 25 หมู่บ้านของตำบล รวม 200 คนเข้าร่วมกิจกรรม เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างมาก และหลายคนถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหายาเสพติด
โดยได้จัดให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กล่าวปฏิญาณตนว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด กล่าวสาบานตน พร้อมกับให้หมอผีเผ่าม้งทำพิธีตีฆ้อง จุดธูป และเคาะไม้ พร้อมร่ายเวทมนตร์เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายโดยเฉพาะยาเสพติด รวมทั้งให้ทุกคนสาบานตนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก หากว่าผู้ใดฝ่าฝืนก็จะมีอันเป็นไปทั้งต่อตัวเอง และครอบตัวตามความเชื่อของชนเผ่า
พร้อมกันนั้น ในงานดังกล่าว ยังได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายทหารศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดภาคเหนือ และหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนความเห็นในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาแก่ผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
นายสุทธิรักษ์ รักเจริญ นายอำเภอเทิง กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมของประเทศยังคงประสบปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด และในส่วนของ ต.ตับเต่าก็ยังคงพบผู้เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ เนื่องจากมีเส้นทางที่เป็นชายแดนไทย-สปป.ลาว และยังเชื่อมต่อไปยัง อ.เวียงแก่น ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำโขง และขบวนการค้ายาเสพติดมักใช้เป็นเส้นทางลำเลียงด้วย และในการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางในต่างจังหวัดใกล้เคียงหลายครั้ง เช่น พะเยา แพร่ น่าน ฯลฯ มักจะมีผู้ต้องหาเป็นคนในพื้นที่ ต.ตับเต่าแทบทุกครั้ง
ล่าสุดมีคนระดับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.14 ถูกจับกุมดำเนินคดีที่จังหวัดน่านด้วย ดังนั้น หวังว่าโครงการนี้จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว เพราะแม้ว่าคนส่วนใหญ่ในตำบลจะเป็นคนดี แต่เมื่อคนส่วนน้อยไปกระทำผิก็จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อพื้นที่ด้วย
พ.ต.อ.เถกิง ทองอินทร์ ผกก.สภ.เทิง กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนเมษายน 55 จนถึงปัจจุบันมีชาวบ้านในพื้นที่หลายรายถูกจับกุมคดียาเสพติด หลังขนของกลางผ่านไปตามจังหวัดต่างๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการขยายผลเข้าไปตรวจค้นบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น จึงคาดหวังว่าต่อไปนี้ผู้มีพฤติกรรมเช่นนั้นจะเลิกเสีย เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อคนหมู่มากให้ตกเป็นเป้าหมาย เมื่อต้องเดินทางไปท้องที่อื่นก็จะถูกตรวจสอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายเอกชัย หาญสุวรรณชัย นายก อบต.ตับเต่า กล่าวว่า ตำบลตับเต่าจำนวน 25 หมู่บ้านเป็นคนพื้นราบ 11 หมู่บ้าน และที่เหลืออีก 14 หมู่บ้านเป็นชนเผ่าต่างๆ ทั้งม้ง เมี่ยน และอาข่า ซึ่งขณะนี้ยังคงมีปัญหาเรื่องยาเสพติด โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนที่อายุตั้งแต่ 13-18 ปี ซึ่งทาง อบต.ตับเต่าได้พยายามร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขด้วยการป้องกัน และปราบปราม รวมทั้งสร้างงานสร้างอาชีพ โดยเฉพาะการปลูกพืชเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ยางพารา กาแฟ ฯลฯ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้ประชาชนมีรายได้ ไม่ต้องไปค้า หรือรับจ้างขนยาเสพติดอีก
ขณะที่นายประดิษฐ์ มาลาเกรียงไกร รองนายก อบต.ตับเต่า กล่าวว่า ถ้าดูจำนวนประชากรที่มีอยู่ประมาณ 15,000 คน และเป็นชาวเขาเผ่าต่างๆ ประมาณ 6,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีกว่า 70% ที่ทางการได้เฝ้าดูแลเพราะมีความเสี่ยงเรื่องยาเสพติด สำหรับ อบต.ตับเต่า นอกจากจะส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ ยังพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องราคาพืชผลในปัจจุบันด้วย โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกกะหล่ำ แต่ที่ผ่านมาราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 3 บาท จึงได้มีการเจรจากับพ่อค้าคนกลาง และตรวจสอบตลาด พบมีการส่งไปยัง จ.เชียงใหม่ จ.พิษณุโลก และตัวเมืองเชียงราย กิโลกรัมละตั้งแต่ 15-25 บาท กระทั่งพ่อค้าคนกลางยอมรับซื้อกิโลกรัมละ 8 บาท จึงทำให้ชาวบ้านพอใจ และพ่อค้าก็อยู่ได้
สำหรับพื้นที่ ต.ตับเต่า อ.เทิง เป็นเขตติดต่อกับ อ.เวียงแก่น ซึ่งมักมีปัญหาเรื่องการลักลอบนำเข้ายาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าจากชายแดนติดกับ สปป.ลาว จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปราบปราม โดยเฉพาะตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) หลายครั้ง และบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ถูกลอบยิงจนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวผู้บริหารในพื้นที่ระบุว่า คนใน ต.ตับเต่าที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ารายย่อย หรือคนรับจ้างขนเท่านั้น เพราะตัวการใหญ่ชื่อนาย ล.เป็นชาวเขาอยู่ที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา และเคยร่วมกับเครือข่ายของประธานสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคนหนึ่งในพื้นที่ อ.เวียงแก่น ขนยาเสพติดครั้งละมากๆ ผ่านพื้นที่ อ.เทิง ก่อนขนส่งไปตามถนนสายต่างๆ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดการสกัดจับตามด่านตรวจบนถนนสายหลักต่างๆ ทำให้ขบวนการเหล่านี้หันไปใช้เส้นทางสายรองไปยัง จ.พะเยา จ.น่าน และ จ.แพร่ มากขึ้น รวมทั้งตัวประธานสภาคนดังกล่าวก็ถูกยิงเสียชีวิต โดยคาดว่าเกิดจากการหักหลังกันเอง หรือถูกเก็บเพื่อไม่ให้กระทำความผิดอีก จึงเหลือเพียงนาย ล.เพียงคนเดียว แต่ก็เกิดตัวแทนของประธานสภาขึ้นมาแทนอีก โดยมีสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2 คนที่คาดว่าเข้าไปเกี่ยวข้อง และกำลังถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่