พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งเสริม และสนับสนุนให้เด็กรับประทานอาหารมื้อเช้าก่อนเข้าเรียน หลังพบเด็กมีพฤติกรรมงดอาหารเช้าในระดับประถมศึกษา ร้อยละ 40
เช้าวันนี้ (1 ส.ค.) ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดโครงการ อาหารเช้าเพื่อน้อง ตามโครงการบ้านหลังเลิกเรียน และพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก และเยาวชน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยนายวิทยา กล่าวว่า ปัจจุบัน พบเด็กไม่ได้รับประทานอาหารเช้าสูงถึงร้อยละ 40 เนื่องจากไม่มีเวลาเพราะตื่นสาย หรือผู้ปกครองต้องไปทำงานแต่เช้า รวมถึงโรงเรียนไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้บริการ ดังนั้น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็ก และเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข มีความคิดสร้างสรรค์ โดยจัดให้เด็กเข้ามารับประทานอาหารเช้าทุกวันพุธ และวันนี้ถือเป็นวันแรก มีเด็กเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน
“อาหารเช้าเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเด็ก และเยาวชน หรือคนทั่วไปอย่างมาก จะทำงาน จะเรียน จะมีคุณภาพ สมองจะทำงานได้เต็มที่ ดังนั้น จึงจัดทำโครงการอาหารเพื่อน้อง เพิ่มขึ้น ในบ้านหลังเลิกเรียน และจะกระตุ้นไปยังโรงเรียนต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ให้เข้ามาช่วยกันสร้างเด็กของเรา ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลในอนาคตให้มีคุณภาพ
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า สำหรับการสำรวจพฤติกรรมการไม่รับประทานอาหารเช้าของเด็กนักเรียนในกรุงเทพมหานคร ในระดับชั้นประถมศึกษา พบว่า เด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 ร้อยละ 48 และประถมศึกษาปีที่ 3-4 ร้อยละ 40
เช้าวันนี้ (1 ส.ค.) ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดโครงการ อาหารเช้าเพื่อน้อง ตามโครงการบ้านหลังเลิกเรียน และพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก และเยาวชน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยนายวิทยา กล่าวว่า ปัจจุบัน พบเด็กไม่ได้รับประทานอาหารเช้าสูงถึงร้อยละ 40 เนื่องจากไม่มีเวลาเพราะตื่นสาย หรือผู้ปกครองต้องไปทำงานแต่เช้า รวมถึงโรงเรียนไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้บริการ ดังนั้น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็ก และเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข มีความคิดสร้างสรรค์ โดยจัดให้เด็กเข้ามารับประทานอาหารเช้าทุกวันพุธ และวันนี้ถือเป็นวันแรก มีเด็กเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน
“อาหารเช้าเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเด็ก และเยาวชน หรือคนทั่วไปอย่างมาก จะทำงาน จะเรียน จะมีคุณภาพ สมองจะทำงานได้เต็มที่ ดังนั้น จึงจัดทำโครงการอาหารเพื่อน้อง เพิ่มขึ้น ในบ้านหลังเลิกเรียน และจะกระตุ้นไปยังโรงเรียนต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ให้เข้ามาช่วยกันสร้างเด็กของเรา ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลในอนาคตให้มีคุณภาพ
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า สำหรับการสำรวจพฤติกรรมการไม่รับประทานอาหารเช้าของเด็กนักเรียนในกรุงเทพมหานคร ในระดับชั้นประถมศึกษา พบว่า เด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 ร้อยละ 48 และประถมศึกษาปีที่ 3-4 ร้อยละ 40
