อนาถ! ชีวิตทหารผ่านศึกลำปาง ไม่พิการก็ถูกกลั่นแกล้ง

ลำปาง - อดีตทหารผ่านศึกวัย 56 ปีไร้ที่อยู่ ต้องไปอาศัยคนรู้จักทำไร่ข้าวโพดพร้อมลูกชาย ถูกป่าไม้จับข้อหาบุกรุกป่าสงวน ไม่มีเงินประกัน โร่ร้องสื่อขอความเป็นธรรมเหตุที่ดินเป็น ส.ท.ก.แถมหลักฐานที่ถูกยึดไม่ตรงข้อเท็จจริง

วันนี้ (12 ก.ค.) นายซั้ว ทรงสวัสดิ์วงศ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 ม.7 ต.หลวงใต้ อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึก ชั้น 4 เข้าร้องขอความช่วยเหลือว่า หลังจากลูกชายและหลานชายถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.งาว จ.ลำปาง จับกุมตัวไปโดยตั้งข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากฐานะยากจนไม่มีเงินประกันตัวลูกชายและหลานชายจึงถูกจับอยู่ในเรือนจำจนถึงปัจจุบัน เพื่อรอศาลพิพากษาในวันที่ 15 สิงหาคม 2555 ที่จะถึงนี้

นายซั้วได้พูดทั้งน้ำตาว่า รู้สึกน้อยใจและเสียใจที่ตนเองก็เคยเสียสละรับใช้ชาติ จนปัจจุบันก็ไร้ที่อยู่ต้องตระเวนรับจ้างไปทั่ว จนกระทั่งมารู้จักกับนายเกาะแคระ ซึ่งมีพื้นที่ที่ทำสวนอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับนายเกาะแคระก็ไม่สามารถทำสวนได้จำนวนมากจึงอนุญาตให้ตนและครอบครัวเข้าไปทำไร่ข้าวโพด พร้อมกับให้ดูแลสวนไปด้วย

ซึ่งก่อนที่ตนจะเข้าไปทำไร่ข้าวโพด นายเกาะแคระยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นเอกสาร ส.ท.ก. สามารถทำกินได้ รวมถึงบริเวณใกล้เคียงก็มีเพื่อนบ้านที่ทำไร่ข้าวโพดด้วยเช่นเดียวกัน และที่ดินดังกล่าวก็เป็นที่ดินที่มีการทำไร่มาก่อนแล้วตนจึงได้เข้าไปทำกิน เพื่อที่จะไม่ต้องเร่ร่อนไปอยู่ที่อื่น

แต่เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 ตนไม่อยู่ที่ไร่ มีเพียงลูกชายคือนายทวี ทรงสวัสดิ์วงศ์ อายุ 22 ปี และนายชัยรัตน์ แซ่เฮ้อ อายุ 21 ปี หลานชาย อยู่เฝ้าไร่สองคน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ประมาณ 10 นายได้เข้าไปตรวจพร้อมตรวจยึดอุปกรณ์การทำไร่ เช่น เครื่องพ่นยาฆ่าแมลง เครื่องตัดหญ้า ที่อยู่ในบ้าน พร้อมจับกุมลูกชายและหลานชายไป โดยที่ตนไม่รู้เรื่องเลย

จนกระทั่งตอนเย็นตนกลับมาไม่พบลูกและหลานชายจึงได้สอบถามเพื่อนบ้านจนทราบว่าถูกจับตัวไป ตนจึงได้ไปตามหาที่สำนักงานป่าไม้ ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ลูกชายและหลานชายรับสารภาพเพื่อโทษจะได้ลดลง ลูกชายและหลานชายตนจึงรับสารภาพ แต่ตนไม่มีเงินประกันตัวลูกชายและหลานชายจึงถูกจับติดคุกตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

“ผมไม่รู้จะไปพึ่งใคร เพราะเจ้าของที่ก็ยืนยันว่าที่ดินเป็น ส.ท.ก. สามารถทำกินได้ และผมก็ทำมาร่วม 3 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่เคยเข้าไปตรวจก็บอกเพียงว่าจะบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมอีกไม่ได้ ผมก็ไม่ได้บุกรุกเพิ่มแต่อย่างใด แต่ทำไมถึงมาจับกุม และมีการเพิ่มข้อหาให้กับลูกชายและหลานชายอีกหลายข้อหา นอกจากนั้นยังพบว่าของกลางมีการเปลี่ยนแปลงด้วย เช่น ซากสัตว์ที่พบเดิมเป็นซากแมวที่กัดกันจนตาย เหลือซากไว้ 1 ตัว เจ้าหน้าที่ก็ลงบันทึกเป็นเสือปลา ส่วนนกที่เลี้ยงไว้ 1 ตัว ซึ่งเป็นนกขุนทอง ซึ่งลูกชายเลี้ยงไว้กำลังฝึกพูด เจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกเป็นนกแก้ว

นอกจากนั้นปีกไม้ที่เป็นเสาไม้ที่เหลือจากการทำฝาบ้านมีเพียง 2-3 แผ่นเท่านั้น เจ้าหน้าที่ก็ลงบันทึกเป็นท่อนและเป็นแผ่น ซึ่งผมเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและเมื่อเข้าไปเยี่ยมลูกชายก็สงสารลูกแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ จึงได้นำรูปถ่ายสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรมเนื่องจากผมเองมีฐานะยากจน และยืนยันว่าพื้นที่ที่ผมทำกินไม่ได้บุกรุกตามที่เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาแต่อย่างใด”