ศูนย์ข่าวศรีราชา - ไข้เลือดออกระบาดหนักในพื้นที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา บางหมู่บ้านมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากขณะที่หน่วยงานรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่เข้าไปดูแล
วันนี้ (7 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางบุญสืบ โพธิ์ดิษฐ์ศิริ อายุ 63 ปี ชาวตำบลศาลาแดง อำเภออบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทราว่า ขณะนี้คนในครอบครัวของตนมีผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกแล้วถึง 3คน นอกจากนั้นยังมีคนในหมู่บ้าน ป่วยด้วยโรคไข้เลือ ดออกแล้ว 30-40 คน ซึ่งพบว่าแต่ละครอบครัว มีคนป่วยอย่างน้อย 2-3 รายอยู่ภายในบ้าน บางรายมีอาการค่อนข้างหนักและรุนแรง และล่าสุดมีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตแล้ว หนึ่งราย คือนางอมรรัตน์ จันทร์เจริญ อายุ 50 ปี โดยญาติพี่น้องได้ทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพอยู่ที่วัดภายในหมู่บ้าน
ทั้งนี้บุคคลในครอบครัวของนางบุญสืบ โพธิ์ดิษฐ์ศิริ ซึ่งป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ประกอบด้วย นายอิทธิศักดิ์ ชัยวงษ์ อายุ 16 ปี ด.ช.สิทธิวัฒน์ โพธิ์ดิษฐ์ศิริ อายุ 13 ปี และ ด.ญ.วิจิตรา ผ่าโรจน์ อายุ 8 ปี
ส่วนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เสียชีวิต คือ นางอมรรัตน์ จันทร์เจริญ ซึ่งก่อนหน้านี้มีสุขภาพแข็งแรง แต่เมื่อมีอาการป่วยเข้าขั้นรุนแรงครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี กรุงเทพฯ ตามสิทธิประกันสังคม แต่กลับได้รับการรักษาด้วยการให้ยาแก้ไข้หวัด จนญาติต้องขอย้ายตัวมารักษายังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
แต่เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างแพง จึงทำให้ไม่มีเงินเพียงพอ สุดท้ายต้องย้ายกลับเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐในพื้นที่กระทั่งเสียชีวิต
นางบุญสืบ ยังให้ข้อมูลว่าหลังครอบครัวจันทร์เจริญ สูญเสียภรรยาจากโรคไข้เลือดออกได้เพียง 1 วัน ผู้เป็นสามีก็ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกเช่นกัน และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา ล่าสุดโรคดังกล่าวได้แพร่ระบาดอย่างหนัก และมีผู้ป่วยในครอบครัวนี้เพิ่มอีก 1 คน เป็นบุตรสาวที่ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หลังเดินทางมาร่วมงานศพมารดา
หลังจากทราบข้อมูลผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามข้อมูลไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลพุทธโสธร(โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา) โรงพยาบาลประจำจังหวัด เพื่อสอบถามถึงความรุนแรงของการระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ แต่กลับถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ปฏิเสธในการให้ข้อมูลรายละเอียดของโรคไข้เลือดออก และอ้างเพียงว่าตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคมที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้เพียง 1 รายเท่านั้น