ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภูธรภาค 5 เร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้ายที่ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มหวังปล้นรถตู้ขนเงินของธนาคารกรุงไทย บนถนนเชียงดาว-เวียงแหง สั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นทางผ่าน เชื่อชำนาญการใช้อาวุธสงครามและยังไม่ได้หลบหนีออกนอกประเทศ
ความคืบหน้ากรณีที่วานนี้ (2 ก.ค.55) มีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงรถตู้ขนเงินของธนาคารกรุงไทย บนถนนสายเชียงดาว-เวียงแหง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหวังปล้นเงินนั้น วันนี้ (3 ก.ค.55) พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้นอกจากรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ได้สั่งให้ผู้บังคับการและผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วย โดยเงินในรถตู้มีอยู่ประมาณ 12 ล้านบาทเศษและในที่เกิดเหตุได้พบหลักฐานบางอย่างนอกจากปลอกกระสุนปืนแล้ว ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธสงคราม ยังไม่ทราบจำนวนและอาวุธ
ขณะนี้ได้แบ่งงานให้ตรงท้องที่ และชุดสืบสวน แกะรอบหาเบาะแสของกลุ่มคนร้ายทั้งในพื้นที่ และจุดเชื่อมโยง ขณะเดียวกันก็จะมีการสืบสวนว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองเชียงดาว และอำเภอเวียงแหง โดยเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้มอบนโยบายให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับรถขนเงินของธนาคารต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งทางผู้ประกอบการเองก็มีความพยายามในการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินอยู่แล้ว ส่วนเบาะแสอื่นยังขอปิดไว้เป็นความลับเพื่อตรวจสอบ และดำเนินการของเจ้าหน้าที่ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งนำทีมเข้าตรวจที่เกิดเหตุด้วยตนเอง เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายได้เลือกภูมิประเทศที่ค่อนข้างจะได้เปรียบ เป็นทางโค้งลงเขา และเป็นจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือสามารถติดต่อได้เพียงช่วงเดียวของเส้นทางระหว่างอำเภอเชียงดาวกับอำเภอเวียงแหง คาดว่าอาจจะหวังที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันหากมีการปล้นสำเร็จเพื่อการหลบหนี
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการใช้อาวุธปืนสงครามชนิดเอเค 47 ยิงจำนวน 4 นัด แต่ในที่เกิดเหตุยังพบปลอดกระสุนเพียง 1 ปลอกเท่านั้น ซึ่งจะประสานงานนำเครื่องตรวจโลหะมาตรวจสอบเพิ่ม ว่ามีการใช้อาวุธปืนกี่กระบอก ชนิดไหนบ้าง
ขณะเดียวกันจะตรวจสอบร่องรอยจากรถขนเงินหาหัวกระสุนปืน ส่วนการติดตามตัวคนร้ายก็ได้กำชับไปยังชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ให้ลงพื้นที่ติดตามหาข่ายกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว
ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนสงคราม ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีกลุ่มคนที่ใช้อาวุธสงครามประเภทนี้อยู่แล้ว และยังเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะยังอยู่ภายในประเทศเรา แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะอยู่ห่างจากชายแดนไทยพม่าเพียงประมาณ 50 กิโลเมตร เท่านั้น