สุรินทร์ - อดีตผู้ว่าฯ สุรินทร์นำชาวบ้านต้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลจากแกลบผุดกลางพื้นที่สีเขียว หวั่นผลกระทบสภาพอากาศ ขณะที่โรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่งที่มีอยู่ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมาก
ที่สโมสรหมู่บ้านเทพธานี ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายวิชัย ทัศน์เศรษฐ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และอดีตประธานกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสุรินทร์ ในฐานะชาวสุรินทร์ เป็นประธานในการประชุมคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของบริษัท สุรินทร์ ไบโอเพาเวอร์ จำกัด บริเวณหมู่ที่ 2 ต.แสลงพันธ์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งเป็นแกนนำของชุมชนตำบลใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบหากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้วเสร็จ ประกอบด้วย ต.แสลงพันธ์ ต.สลักได ต.นอกเมือง และ ต.ในเมือง กว่า 30 คน เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลผลิตไฟฟ้าจากแกลบ
นายวิชัย ทัศน์เศรษฐ เปิดเผยว่า เคยทำหนังสือร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ อุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ และหนังสือไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว เพื่อขอให้ระงับและยกเลิกใบอนุญาตที่ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลผลิตไฟฟ้าจากแกลบ ก็ได้รับคำตอบเป็นหนังสือมาแล้วว่าเป็นการดำเนินการไม่ถูกต้อง แต่ขณะนี้ยังมีการก่อสร้างอยู่ โดยคนงานแจ้งว่าอีกประมาณ 2 เดือนจะแล้วเสร็จ
ด้านนางวิจิตร ชูสกุล คณะทำงานพลังงานยั่งยืน กล่าวว่า อาจต้องเป็นวาระของจังหวัดสุรินทร์ เพราะจังหวัดสุรินทร์กำลังมีโรงไฟฟ้าชีวมวลจ่อคิวจะสร้างขึ้นอีก 10 โรง ฉะนั้นปัญหาของจังหวัดสุรินทร์ที่เกิดจากโรงไฟฟ้าชีวมวลผลิตไฟฟ้าจากแกลบ เห็นชัดเจนแล้วใน 2 โรงที่เกิดขึ้นในเรื่องฝุ่นละออง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ฝุ่นละอองเยอะมากจนชาวนาทำนาไม่ได้ และปกติชาวบ้านสามารถรองน้ำฝนรับประทานได้ ปัจจุบันจากการสำรวจกว่า 600 ครัวเรือนรอบๆ โรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 2 แห่งต้องซื้อน้ำดื่ม ปีหนึ่งมีมูลค่าล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นที่ไม่มีความจำเป็นต้องจ่าย
นายวิชัยกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เดือนหน้าช่วงวันที่ 30-31 ก.ค. 55 จะมี ครม.สัญจร มาประชุมที่ จ.สุรินทร์ จะนำเรื่องที่กำลังได้รับความเดือดร้อนนี้เรียนต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ที่ประชุมมีมติจะทำแผ่นปลิวเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่ได้รับทราบถึงความเดือดร้อนที่จะได้รับทั้งในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ ทั้ง 3-4 ตำบล เพื่อให้ได้ทราบข้อมูลและเข้าร่วมประชุมอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 14 ก.ค. 55 เพื่อหาแนวทางที่จะให้หยุดก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลต่อไป
ทั้งนี้ พื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว ผังเมืองระบุไว้ว่าเป็นพื้นที่สีเขียวและเป็นแหล่งที่พักอาศัยของประชาชนจำนวนมาก และก็อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 3 กม.เท่านั้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพประชาชนในชุมชนรอบข้างอย่างกว้างขวางในอนาคตหากโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าวก่อสร้างเสร็จ
