พระนครศรีอยุธยา - ชาวบ้าน 4 ตำบลในอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยาบุกศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือขับไล่ปลัดเทศบาลตำบลโรงช้าง อ้างชอบเมาสุรา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่อยู่สถานที่ทำงาน ประชาชนมาพบยาก มีพฤติกรรมการเบิกจ่ายไม่โปร่งใส
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านจาก ต.โรงช้าง ต.นิตเพียน ต.เจ้าปุก ต.น้ำเต้า อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า 100 คนได้รวมตัวกันพร้อมถือป้ายประท้วงขับไล่ จ.ส.อ.อรัญ พวงจันทร์ ปลัดเทศบาลตำบลโรงช้าง อ.มหาราช โดยมีนางจำเนียร ท่าสระ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/2 หมู่ 4 ต.นิตเพียร อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นแกนนำ พร้อมยื่นหนังสือขอให้ย้าย จ.ส.อ.อรัญ พวงจันทร์ ปลัดเทศบาลตำบลโรงช้างออกนอกพื้นที่
โดยหนังสืออ้างว่า จ.ส.อ.อรัญ พวงจันทร์ ปลัดเทศบาลตำบลโรงช้าง ชอบเมาสุรา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่อยู่สถานที่ทำงาน ประชาชนมาพบยาก มีพฤติกรรมการเบิกจ่ายไม่โปร่งใส อาทิ สนามเด็กเล่นมีการปลอมแปลงแต่งบัญชีเงิน 40 ล้านบาทราคาแพงเกินจริง
และเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 55 เวลา 09.15 น. น.ส.สุพรรณี ทองประพิศกุล นายกเทศบาลตำบลโรงช้าง อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าไปขอเอกสารจากนางฐิตินัฐ แจ่มสุวรรณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคลากร แต่นางฐิตินัฐไม่ยอมให้จึงเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น จากนั้นได้มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงเข้ามาร่วมกันทำร้ายร่างกาย น.ส.สุพรรณีจนล้มลงกับพื้น ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวมี จ.ส.อ.อรัญ พวงจันทร์ ปลัดเทศบาลตำบลโรงช้าง รวมอยู่ด้วย น.ส.สุพรรณีจึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.โรงช้าง โดยมี พ.ต.ท.อรรถพร สุรฉัตร เป็นคนรับเรื่องไว้
นางจำเนียรเล่าต่ออีกว่า ชาวบ้านทนพฤติกรรมของปลัดคนนี้ที่เป็นลูกน้องของอดีตนายกคนเก่ามานานแล้ว พอนายกคนเก่าสอบตกไม่ได้เป็นนายก ปลัด และเจ้าหน้าที่บางคนก็ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานของนายกคนใหม่ จึงเกิดปัญหาขัดแย้งเกิดขึ้นในเทศบาลฯ และปลัดคนดังกล่าวชอบพาลูกน้องออกไปดื่มสุราในเวลาราชการเป็นประจำ ชาวบ้านจึงทนไม่ไหวในพฤติกรรม จึงได้รวมตัวกันมาประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อขับไล่ปลัดคนดังกล่าวออกนอกพื้นที่เทศบาลตำบลโรงช้าง
จากนั้นนายวีรณรงค์ อังคารชุน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยามารับหนังสือร้องเรียนพร้อมทำความเข้าใจรับทราบปัญหาในเรื่องที่มาร้องเรียน และให้ปลัดเทศบาลตำบลโรงช้างมาช่วยราชการในจังหวัด ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 ก.ค. 55 ซึ่งเป็นช่วงตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ชาวบ้านจึงพอใจแยกย้ายกันกลับ