xs
xsm
sm
md
lg

บ.บีเอสที มอบเงิน 16.6 ล้านบาท เยียวยาชุมชนที่ได้รับผลกระทบเหตุระเบิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเสนีย์  จิตตเกษม ผวจ.ระยอง  รับมอบเงินกองทุนจำนวน 16.6 ล้านบาท จากบริษัท  บีเอสทีอิลาสโตเมอร์ส จำกัด กรณีโรงงานระเบิด
ระยอง- บ.บีเอสที มอบเงิน 16.6 ล้านบาท ผ่านผู้ว่าฯ ระยอง เพื่อนำไปเยียวยาชุมชนที่ได้รับผลกระทบเหตุระเบิด ในรูปแบบงบพัฒนาชุมชน รวม 33 ชุมชน โดยบางชุมชนไม่เห็นด้วย

ที่ห้องประชุมศูนย์ราชการ จ.ระยอง นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.สุพีร์พัฒน์ จองพานิช รองผวจ.ระยอง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาเงินกองทุน บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด รับมอบเงินกองทุนพัฒนาชุมชนมาบตาพุด รวม 33 ชุมชน จำนวนเงิน 16.6 ล้านบาท จากนายไชยยศ วงศ์พยัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิลาสโตเมอร์ส จำกัด โดยมีประธานชุมชนมาบตาพุด รวม 33 ชุมชน และคณะกรรมการฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน

สืบเนื่องมาจากกรณีบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ผู้ผลิตใยสังเคราะห์ให้แก่อุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ฯลฯ ตั้งอยู่ถนนไอ 8 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง เกิดระเบิด และไฟไหม้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 11 ราย มี ผู้ได้รับบาดเจ็บ 194 ราย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา

นายไชยยศ วงศ์พยัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิลาสโตเมอร์ส จำกัด กล่าวว่า เงินกองทุน 16.6 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ทั้ง 33 ชุมชน ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าไปดูแลครอบครัวพนักงานที่เสียชีวิต และครอบครัวของพนักงาน รวมทั้งครอบครัวบริษัทผู้รับเหมาทุกราย สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริษัทฯ ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด นอกจากนี้ จ่ายค่าซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด รวมทั้งจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เข้าตรวจสุขภาพในชุมชนต่างๆ ตลอดทั้งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

บริษัทฯ ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ เมื่อรวมกับเงินกองทุนบีเอสทีอีก 16.6 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 70 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ บริษัทได้ตั้งคณะกรรมการ คณะผู้เชี่ยวชาญ เพื่อศึกษา และวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีกในอนาคต

ด้านคณะกรรมการพิจารณาเงินกองทุนฯ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณารวม 2 คณะ โดยมี ว่าที่ร.ต.สุพีร์พัฒน์ จองพานิช รอง ผวจ.ระยอง เป็นประธาน คือ 1.คณะกรรมการกลั่นกรองคำขอรับความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านทรัพย์สิน และการประกอบอาชีพ 2.คณะกรรมการกลั่นกรองคำขอรับความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ คณะกรรมการได้ดำเนินการประชุมรวม 3 ครั้ง ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา มติที่ประชุม เห็นชอบให้บริษัทฯ จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาชุมชนโดยรวมในรูปแบบของงบพัฒนาชุมชน รวม 33 ชุมชน ในอัตราหัวละ 300 บาท

นายบวรวิช ภุชงค์ ประธานชุมชนซอยร่วมพัฒนา กล่าวว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาชุมชนในรูปแบของงบพัฒนาชุมชน เป็นการสร้างความลำบากใจให้แก่ประธานชุมชนฯ มองดูคล้ายกับว่า นำเงินกองทุนมาปิดปากพี่น้องประชาชนเพื่อในอนาคตเรื่องการขออนุญาต การทำประชาคมของโรงงานที่จะดำเนินการต่อจะทำให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเป็นเรื่องเอาผลประโยชน์มาให้ชุมชนเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นประโยชน์แก่บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส มากกว่า

จริงๆ แล้ว การจัดงบช่วยเหลือชุมชนครั้งนี้ ต้องจัดเป็นโซนกรณีชุมชนที่รับผลกระทบหนักกว่าชุมชนอื่น ต้องได้งบช่วยเหลือมากกว่า แต่กลับเอาจำนวน 33 ชุมชน มาแบ่งเฉลี่ยเท่าๆ กัน ซึ่งบางชุมชนไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยอยู่คนละทิศละทาง กลับได้รับความช่วยเหลือไปด้วย ความยุติธรรมมีให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ บ้างไหม

นายบวรวิช กล่าวและว่า เรื่องการช่วยเหลือเยียวยาชุมชนไม่จำเป็นที่จะนำหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานมาตั้งคณะกรรมการพิจารณาถึง 2 คณะ ทำให้เรื่องยุ่งยากมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่า จะเป็นการสร้างความแตกแยกให้แก่ชุมชน และในท้ายที่สุด ประธานชุมชนและคณะกรรมการชุมชน จะต้องตกเป็นจำเลยสังคม เรื่องนี้ประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เทศบาลเมืองมาบตาพุ และบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ซึ่งสามารถพูดคุยกันได้อยู่แล้ว

ด้านนายอิทธิ แจ่มแจ้ง ประธานชุมชนหนองแฟบ กล่าวว่า ชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงยังไม่ได้รับการเยียวยาเท่าที่ควร ที่ชัดเจนคือ การช่วยเหลือบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ส่วนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพก็ยังไม่ได้รับการเหลียวแล แต่การมอบเงินกองทุนช่วยเหลือในรูปแบบงบการพัฒนาชุมชน ถ้าคนที่ไม่เข้าใจก็จะมองว่าเป็นการนำเงินมาให้ชุมชน เพื่อให้ยุติในเรื่องการติดตามตรวจสอบ

ซึ่งทุกวันนี้ สาเหตุการเกิดระเบิดของบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ยังไม่มีความกระจ่าง ซึ่งผู้ว่าราชการ จ.ระยองได้ตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบหาสาเหตุ ระยะเวลาผ่านมา 1 เดือนเศษแล้ว จนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีการประชุมในเรื่องการติดตามตรวจสอบหาสาเหตุแม้แต่ครั้งเดียว ตนไม่อยากให้เอาเรื่องความช่วยเหลือเยียวยาชุมชนมาผูกติดกับเรื่องกระบวนการติดตามตรวจสอบ

เรื่องการดำเนินคดี บริษัทฯ ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องกระบวนการติดตามตรวจสอบหาความจริงของสาเหตุการเกิดระเบิดอย่างโปร่งใส ซึ่งจะเป็นการป้องกันให้แก่โรงงานอื่นๆ อีกนับ 100 โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเช่นนี้อีกในอนาคต แต่หากไม่มีการเปิดเผยความจริงอย่างโปร่งใส เรื่องนี้ก็จะจบลงแบบคลุมเครือในสังคมคนมาบตาพุด
กำลังโหลดความคิดเห็น