ศูนย์ข่าวศรีราชา - ภาคธุรกิจชี้ท่องเที่ยวพัทยาโต สามารถดำเนินการตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทใน 5 ปี ขณะที่พัทยาได้อานิสงส์ประชุม ครม.สัญจรโดยตรง มั่นใจ 3 โครงการหลักจะได้รับความเห็นชอบ
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร อุปนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า จากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้จัดประชุม ครม.สัญจรขึ้นที่เมืองพัทยา และมีนโยบายขับเคลื่อนบูรณาการด้านการท่องเที่ยว โดยมีแผนที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 2 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปีนั้น
เรื่องนี้โดยส่วนตัวแล้วมองว่า ศักยภาพของประเทศไทยรวมทั้งเมืองพัทยาถือว่ามีความพร้อมทุกด้าน และสามารถดำเนินการได้ หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกันอย่างจริงจัง ทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ รวมไปถึงการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงาม ดังนั้น เป้าหมาย 2 ล้านล้านบาทก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร และคงสามารถทำได้บรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีการประชุม ครม.สัญจร ที่เมืองพัทยานั้น ถือว่าเป็นประโยชน์ และเมืองพัทยาก็ได้อานิสงส์จากการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของภาพลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคง และปลอดภัยจากปัญหาต่างๆ ในช่วงการประชุมใหญ่ระดับประเทศ ที่สำคัญ เป็นโอกาสที่เมืองพัทยาได้เสนอโครงการสำคัญๆ ในการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมใน 3 โครงการหลัก
ได้แก่ โครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ในการปรับปรุง และขุดลอกเพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำในงบประมาณจำนวน 30 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งใหม่อย่าง มาบหวายโสม และห้วยไข่เน่า ในตำบลเขาไม้แก้ว เพื่อเป็นอ่างเก็บน้ำเสริมสำหรับเมืองพัทยา ซึ่งหากดำเนินการเสร็จ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินพาณิชย์ระดับนานาชาติ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดี สุดท้ายกับโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ต่อเชื่อมมาจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังเมืองพัทยา หลังจากพยายามผลักดันโครงการดังกล่าวมาเป็นเวลานาน โดยโครงการทั้งหมดมีการนำเสนออย่างเป็นรูปธรรมไปแล้ว เพียงรอความเห็นชอบเท่านั้น ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
นายสินไชย กล่าวปิดท้ายว่า ในส่วนของท้องถิ่นเอง หลังจากได้นายกเมืองพัทยาและคณะผู้บริหารชุดใหม่แล้ว สำหรับภาคธุรกิจก็อยากร้องขอให้ดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ ของพื้นที่อย่างจริงจัง และเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลในภาพรวม ซึ่งก็มั่นใจว่าผู้บริหารชุดนี้คงจะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร อุปนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า จากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้จัดประชุม ครม.สัญจรขึ้นที่เมืองพัทยา และมีนโยบายขับเคลื่อนบูรณาการด้านการท่องเที่ยว โดยมีแผนที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 2 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปีนั้น
เรื่องนี้โดยส่วนตัวแล้วมองว่า ศักยภาพของประเทศไทยรวมทั้งเมืองพัทยาถือว่ามีความพร้อมทุกด้าน และสามารถดำเนินการได้ หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกันอย่างจริงจัง ทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ รวมไปถึงการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงาม ดังนั้น เป้าหมาย 2 ล้านล้านบาทก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร และคงสามารถทำได้บรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีการประชุม ครม.สัญจร ที่เมืองพัทยานั้น ถือว่าเป็นประโยชน์ และเมืองพัทยาก็ได้อานิสงส์จากการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของภาพลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคง และปลอดภัยจากปัญหาต่างๆ ในช่วงการประชุมใหญ่ระดับประเทศ ที่สำคัญ เป็นโอกาสที่เมืองพัทยาได้เสนอโครงการสำคัญๆ ในการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมใน 3 โครงการหลัก
ได้แก่ โครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ในการปรับปรุง และขุดลอกเพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำในงบประมาณจำนวน 30 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งใหม่อย่าง มาบหวายโสม และห้วยไข่เน่า ในตำบลเขาไม้แก้ว เพื่อเป็นอ่างเก็บน้ำเสริมสำหรับเมืองพัทยา ซึ่งหากดำเนินการเสร็จ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินพาณิชย์ระดับนานาชาติ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดี สุดท้ายกับโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ต่อเชื่อมมาจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังเมืองพัทยา หลังจากพยายามผลักดันโครงการดังกล่าวมาเป็นเวลานาน โดยโครงการทั้งหมดมีการนำเสนออย่างเป็นรูปธรรมไปแล้ว เพียงรอความเห็นชอบเท่านั้น ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
นายสินไชย กล่าวปิดท้ายว่า ในส่วนของท้องถิ่นเอง หลังจากได้นายกเมืองพัทยาและคณะผู้บริหารชุดใหม่แล้ว สำหรับภาคธุรกิจก็อยากร้องขอให้ดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ ของพื้นที่อย่างจริงจัง และเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลในภาพรวม ซึ่งก็มั่นใจว่าผู้บริหารชุดนี้คงจะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน