ศูนย์ข่าวศรีราชา - จังหวัดสระแก้ว ยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ แม้ที่ผ่านมา ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายของรัฐบาลแต่ละสมัย จนทำให้การผลักดัน พ.ร.บ.เพื่อสนับสนุนโครงการไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ชี้การศึกษารายละเอียดและข้อเสนอแนะที่จะนำเสนอต่อรัฐบาล พร้อมเสร็จสมบูรณ์ในปีงบประมาณนี้
น.ส.จันทร์เพ็ญ ศรีสมสุข พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว เผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ว่า ปัจจุบัน จังหวัดสระแก้วยังคงมีความประสงค์ที่จะผลักดันโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่จะนำเสนอต่อรัฐบาล โดยใช้งบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกในการดำเนินการ และคาดว่าขั้นตอนการศึกษารายละเอียดต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนี้
“ที่ผ่านมา จังหวัดสระแก้วได้นำเสนอโครงการนี้ต่อรัฐบาลตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็พบว่าการจัดทำโครงการดังกล่าว ต้องเกี่ยวเนื่องกับกฎหมายหลายฉบับ และต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกัน ซึ่งอาจรวมไปถึงการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการสนับสนุนการลงทุน และรัฐบาลจะต้องมีการประกาศ พ.ร.บ.เพื่อรองรับ แต่ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงในหลายรัฐบาล การผลักดันโครงการดังกล่าวก็เปลี่ยนไปตามนโยบายของแต่ละรัฐบาลนั้น แต่จังหวัดก็ยังยืนยันว่าจะผลักดันโครงการนี้ต่อไป เพื่อให้เกิดขึ้นจริง”
พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว ยังเผยอีกว่า หากการศึกษารายละเอียดต่างๆ แล้วเสร็จ จนถึงขั้นตอนการนำเสนอต่อรัฐบาล และหากรัฐบาลเห็นชอบก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะประเทศไทย ค่อนข้างจัดทำโครงการนี้ได้ลำบาก ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา และอีกหลายประเทศได้จัดทำแล้ว
ทั้งนี้ จากข้อมูลการศึกษารูปแบบการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้พบว่า ประเภทของพื้นที่การจัดตั้งโครงการจะต้องมีขนาดพื้นที่สำหรับดำเนินกิจกรรมไม่น้อยกว่า 1,500 ไร่นิคม ประกอบด้วย อุตสาหกรรม โรงงาน สำนักงานให้เช่าและโครงสร้างสนับสนุนต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานก๊าซ โรงงานบำบัดน้ำเสีย เส้นทางขนส่งสินค้าภายใน และต้องมีพื้นที่จัดเก็บ (1,000 ไร่ ประกอบด้วย คลังสินค้า พื้นที่กองเก็บสินค้า และตู้คอนเทนเนอร์/คลังสินค้าทัณฑ์บน พื้นที่อื่นๆ อีก 700 ไร่)
โดยพื้นที่ที่เหมาะสมลำดับที่ 1 สำหรับการจัดตั้งโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ บริเวณบ้านหนองเอี่ยน ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ ซึ่งการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสระแก้ว ตามการศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในปี 2553 พบว่า เหมาะแก่การจัดตั้งสถานีขนถ่ายสินค้า โดยมีความพร้อมทางด้านโครงข่ายคมนาคมทั้งทางถนน และทางราง และอยู่ไม่ไกลจากด่านคลองลึก สามารถเชื่อมโยงกับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปตโอเนียง ของกัมพูชาได้ และยังมีสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานรองรับ รวมถึงยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเห็นชอบจากภาครัฐ
และลำดับรองลงมาคือ สำหรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสระแก้ว ตรงบริเวณบ้านป่าไร ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ
สำหรับจังหวัดสระแก้ว ถือว่ามีมูลค่าการค้าชายแดนสูงสุดจากทั้ง 7 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา (บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี ตราด และสระแก้ว ซึ่งในปี 2554 มีมูลค่าการค้าชายแดน รวมทั้งสิ้น 39,182.19 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 34,069.12 ล้านบาท และมูลค่าสินค้านำเข้า 5,113.07 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 28,956.05 ล้านบาท
น.ส.จันทร์เพ็ญ ศรีสมสุข พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว เผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ว่า ปัจจุบัน จังหวัดสระแก้วยังคงมีความประสงค์ที่จะผลักดันโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่จะนำเสนอต่อรัฐบาล โดยใช้งบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกในการดำเนินการ และคาดว่าขั้นตอนการศึกษารายละเอียดต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนี้
“ที่ผ่านมา จังหวัดสระแก้วได้นำเสนอโครงการนี้ต่อรัฐบาลตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็พบว่าการจัดทำโครงการดังกล่าว ต้องเกี่ยวเนื่องกับกฎหมายหลายฉบับ และต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกัน ซึ่งอาจรวมไปถึงการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการสนับสนุนการลงทุน และรัฐบาลจะต้องมีการประกาศ พ.ร.บ.เพื่อรองรับ แต่ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงในหลายรัฐบาล การผลักดันโครงการดังกล่าวก็เปลี่ยนไปตามนโยบายของแต่ละรัฐบาลนั้น แต่จังหวัดก็ยังยืนยันว่าจะผลักดันโครงการนี้ต่อไป เพื่อให้เกิดขึ้นจริง”
พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว ยังเผยอีกว่า หากการศึกษารายละเอียดต่างๆ แล้วเสร็จ จนถึงขั้นตอนการนำเสนอต่อรัฐบาล และหากรัฐบาลเห็นชอบก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะประเทศไทย ค่อนข้างจัดทำโครงการนี้ได้ลำบาก ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา และอีกหลายประเทศได้จัดทำแล้ว
ทั้งนี้ จากข้อมูลการศึกษารูปแบบการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้พบว่า ประเภทของพื้นที่การจัดตั้งโครงการจะต้องมีขนาดพื้นที่สำหรับดำเนินกิจกรรมไม่น้อยกว่า 1,500 ไร่นิคม ประกอบด้วย อุตสาหกรรม โรงงาน สำนักงานให้เช่าและโครงสร้างสนับสนุนต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานก๊าซ โรงงานบำบัดน้ำเสีย เส้นทางขนส่งสินค้าภายใน และต้องมีพื้นที่จัดเก็บ (1,000 ไร่ ประกอบด้วย คลังสินค้า พื้นที่กองเก็บสินค้า และตู้คอนเทนเนอร์/คลังสินค้าทัณฑ์บน พื้นที่อื่นๆ อีก 700 ไร่)
โดยพื้นที่ที่เหมาะสมลำดับที่ 1 สำหรับการจัดตั้งโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ บริเวณบ้านหนองเอี่ยน ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ ซึ่งการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสระแก้ว ตามการศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในปี 2553 พบว่า เหมาะแก่การจัดตั้งสถานีขนถ่ายสินค้า โดยมีความพร้อมทางด้านโครงข่ายคมนาคมทั้งทางถนน และทางราง และอยู่ไม่ไกลจากด่านคลองลึก สามารถเชื่อมโยงกับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปตโอเนียง ของกัมพูชาได้ และยังมีสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานรองรับ รวมถึงยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเห็นชอบจากภาครัฐ
และลำดับรองลงมาคือ สำหรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสระแก้ว ตรงบริเวณบ้านป่าไร ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ
สำหรับจังหวัดสระแก้ว ถือว่ามีมูลค่าการค้าชายแดนสูงสุดจากทั้ง 7 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา (บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี ตราด และสระแก้ว ซึ่งในปี 2554 มีมูลค่าการค้าชายแดน รวมทั้งสิ้น 39,182.19 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 34,069.12 ล้านบาท และมูลค่าสินค้านำเข้า 5,113.07 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 28,956.05 ล้านบาท
