บุรีรัมย์ อุทาหรณ์ ยายวัย 76 ปีพร้อมบุตรหลานเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ สนง.ยุติธรรมจังหวัด หลังจากใช้ที่ดิน 30 ไร่ค้ำประกันเงินกู้นายทุน 1,200 บาทเมื่อ 39 ปีก่อน ใช้หนี้ไปแล้วกลับถูกบ่ายเบี่ยงคืนเอกสาร ลูกหลานใช้ที่ดินทำกินมาต่อเนื่อง สุดท้ายเรื่องแดงมีคนไล่ที่เพื่อตั้งสำนักสงฆ์ พบหลักฐานเคยขายฝากให้นายทุนจนมีการถ่ายโอนขายต่อแล้ว
วันนี้ ( 13 มิ.ย.) อุทาหรณ์กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับ นางมาลี ประนมรัมย์ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 10 บ้านหนองค่าย ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่เดินทางพร้อมกับบุตรหลานกว่า 10 คน มาร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ให้เป็นตัวแทนเรียกร้องสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก.จำนวน 30 ไร่คืนมา หรือให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเยียวยาหลังทราบเรื่องว่าถูกหลอกเมื่อ 39 ปีที่ผ่านมา
นางมาลี ประนมรัมย์ เจ้าของที่ดิน 30 ไร่ เล่าว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกจากพ่อ-แม่ เมื่อปี 2516 หรือประมาณ 39 ปีที่ผ่านมา ได้นำที่ดินไปกู้เงินกับนายทุนจำนวนเงิน 1,200 บาทในปี 2517 ได้นำเงินไปไถ่ถอนพร้อมดอกเบี้ย แต่นายทุนได้บ่ายเบี่ยงการให้หลักฐานคืน
จากนั้นไม่ได้สนใจปล่อยให้บุตรหลานทำกินในที่ดินผืนนั้นมาโดยตลอด เมื่อปี 2528 ได้ไปทวงถามนายทุนอีก แต่ถูกปฏิเสธ ญาติซึ่งเป็นข้าราชการได้ทำการฟ้องร้องต่อศาล กระทั่งศาลมีคำสั่งให้คืนเอกสารหลักฐานที่ดินให้แต่ก็ยังไม่ได้หลักฐานคืน คิดว่าหลักฐานสูญหายธรรมดา ไม่ติดใจเพราะบุตรหลานได้ทำกินบนที่ดินผืนนี้มาตลอด
ขณะที่นางธนู ชนะศึก อายุ 36 ปี บุตรสาวของนางมาลี เล่าว่า เรื่องมากระจ่างเมื่อปี 2554 สมัยรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีโครงการให้นำ น.ส.3 ก.ไปออกเป็นหลักฐานโฉนด จึงเดินทางไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ พบที่ดินผืนดังกล่าวได้มีการถ่ายโอน กลายเป็นชื่อของคนอื่นไปแล้ว
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานที่สลักหลังใบ น.ส.3 ว่า ได้มีการขายฝากเมื่อปี 2516 และมีอายุ 3 ปี พ้นกำหนดนายทุนโอนถ่ายไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสร้างความตกใจให้แก่บุตรหลานเป็นอย่างมากเพราะมีที่ดินทำกินผืนเดียวที่จะต้องแบ่งกัน 6 คน โดยทราบว่าญาติเจ้าของที่ดินตามเอกสารได้ขายทอดต่อให้สำนักสงฆ์ชื่อดัง และทำการไล่ที่เพื่อทำการสร้างสำนักสงฆ์
ด้าน นายพิพัฒน์ สงวนรัตน์ พนักงานคุ้มครองสิทธิ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้รับเรื่อง บอกว่า หลังจากนี้จะได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม โดยเฉพาะหลักฐานที่ศาลเคยมีคำสั่งคืนหลักฐานเมื่อปี 2528 ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย