อุดรธานี - กอ.รมน.อุดรฯ ติวเข้มทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างความตระหนักรู้ และปลุกจิตสำนึกเพื่อสนับสนุนการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ เผยภัยก่อการร้ายมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งค้ายาเสพติด ค้าอาวุธ บุกรุกยึดครองที่ดินของรัฐ ฯลฯ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนอย่างหนัก
วันนี้ (13 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมนภาลัย อ.เมือง จ.อุดรธานี นายนพวัชร สิงห์ศักดิ์ดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมสร้างความตระหนักรู้ และปลุกจิตสำนึกเพื่อสนับสนุนการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ พื้นที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุดรธานี โดยมีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน และกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีกว่า 100 คนเข้ารับการอบรม
นายนพวัชร สิงห์ศักดิ์ดา ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติในปัจจุบันนับเป็นภัยร้ายแรงที่สุดสำหรับมนุษย์ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถจะดำเนินการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงลำพัง ฉะนั้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศนั่นเอง
ในปัจจุบันภัยคุกคามการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติมีรูปแบบและวิธีการที่หลากหลาย จึงถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความมั่นคงของชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ภัยคุกคามด้านยาเสพติด ภัยจากการลักลอบค้าอาวุธ การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภัยจากการบุกรุกถือครองทรัพยากรธรรมชาติที่ดินและป่าไม้อันเป็นสมบัติของชาติ เป็นต้น
สำหรับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งอาจจะไม่ปรากฏให้เห็นหรือได้ยินบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นย่อมนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา และเสถียรภาพแห่งอำนาจรัฐอีกด้วย
ดังนั้น การอบรมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับรู้และเกิดความระมัดระวังภัย เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อหรือถูกแสวงประโยชน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ในการร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหาและสามารถถ่ายทอดความตระหนักรู้ไปสู่ภาคประชาชนให้เกิดสภาพชุมชนสังคมที่มีความเข้มแข็ง สามารถช่วยเหลือดูแลตนเองได้ในขั้นต้น พร้อมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายแห่งความสามัคคี และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงให้แก่หน่วยงานภาครัฐและประเทศชาติ เพื่อให้เกิดความสงบและสันติสุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติต่อไป
