ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจภาค 3 ขยายผลรวบขบวนการทุจริตสอบ “นายสิบตำรวจ” สนามสอบโคราช ได้ผู้ต้องหาร่วมแก๊ง 5 คน พร้อมเหยื่อถูกจับทุจริตสอบได้อีกกว่า 20 ราย และของกลางเงินสดกว่า 10 ล้าน อุปกรณ์เครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารรายชื่อผู้เข้าสอบจำนวนมาก นอกจากนี้ยังจับผู้ใช้บัตรประชาชนปลอมสอบแทนคนอื่นด้วย
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมสารสิน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสูตสกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา, พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และนายศักดิ์ศรี ว่องไว ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เขต 7 (นครราชสีมา) ร่วมกันแถลงผลการจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนในการทุจริตสอบเข้ารับราชการตำรวจชั้นประทวน ยศสิบตำรวจตรี ประจำปี 2555 ได้ผู้ต้องหารวม 5 คน
ประกอบด้วย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 555/37 ม.10 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ มีหน้าที่ในการรับเงินค่าจ้าง, นายธนากร วิเศษ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 ม.9 ต.หนองไฮ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ, นางศตพร วิเศษ อายุ 37 ปี ภรรยานายธนากร, นายปัญญาศักดิ์ นิลเพ็ชร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 ม.5 ต.ศรีแก้ว อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ และนายสมชาย แสงทอง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 ม.4 ต.ลิ้นฟ้า อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ทำหน้าที่ขับรถ พร้อมด้วยผู้สมัครสอบแข่งขันที่ทำการทุจริตในการสอบร่วมกับขบวนการดังกล่าวอีก 20 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กันไว้เป็นพยานและตัดสิทธิในการสอบ พร้อมขึ้นบัญชีรายชื่อผู้กระทำการทุจริตการสอบไว้
พร้อมของกลาง ชุดอุปกรณ์ส่งสัญญาณ 2 ชุด, แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 21 แผ่น, วิทยุสื่อสารยี่ห้อไอคอม 2 เครื่อง, เอกสารรายชื่อผู้เข้าสอบ และรายละเอียดการชำระเงิน 1 ชุด, โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, เงินสดค่าจ้างในการทุจริตสอบจำนวน 10,500,000 บาท, เอกสารประจำตัวผู้สมัครสอบและเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนประมาณ 500 แผ่น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เปิดให้มีการสอบบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ยศสิบตำรวจตรี ประจำปี 2555 โดยเปิดสอบพร้อมกันทั่วประเทศ ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 3 ได้ใช้สนามสอบตามโรงเรียนต่างๆ ในเขต อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากศูนย์อำนวยการควบคุมการสอบภาค 3 ว่า ตรวจพบคลื่นสัญญาณวิทยุ น่าเชื่อว่ามีการทุจริตในการสอบครั้งนี้โดยการใช้เครื่องรับ-ส่งสัญญาณวิทยุอิเล็กทรอนิกส์ จึงไปตรวจสอบที่หน่วยสอบ โรงเรียนสุขานารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมการสอบตรวจพบวัตถุลักษณะเป็นแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์สี่เหลี่ยม กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร (ซม.) ยาวประมาณ 4 ซม. ห่อด้วยพลาสติกสีเขียว ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงชั้นในของผู้เข้าสอบ
จากการสอบสวน ผู้เข้าสอบรายดังกล่าวยอมรับว่าวัตถุดังกล่าวเป็นอุปกรณ์รับสัญญาณจากภายนอกห้องสอบบอกรหัสคำตอบข้อสอบด้วยการสั่น ซึ่งรับมาจากกลุ่มของนางเตือนใจ นำมาให้ที่โรงแรมวีวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมสาธิตวิธีการใช้และรหัสสัญญาณสั่นที่บอกคำตอบข้อสอบ โดยต้องจ่ายเงินให้กลุ่มนางเตือนใจคนละ 350,000 บาท บางรายจ่ายให้ครบหมดแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผล จนสามารถติดตามจับกุมนางเตือนใจ พร้อมพวกและตรวจยึดอุปกรณ์การส่งและรับสัญญาณได้อีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการสอบสวนนางเตือนใจ หัวหน้าแก๊ง ให้การว่า เป็นผู้ติดต่อผู้เข้าสอบรายดังกล่าวจริง และมีลูกค้าที่เป็นผู้เข้าสอบแข่งขันในครั้งนี้รวมจำนวน 165 ราย ที่เข้าสอบในสนามสอบทั่วประเทศ เช่น จ.ชลบุรี และ จ.นครสวรรค์ โดยจะจัดหาอุปกรณ์การรับส่งสัญญาณเพื่อทำให้สอบได้ ซึ่งเรียกรับเงินผู้เข้าสอบคนละ 350,000 บาท และเก็บเงินค่าเครื่องรับสัญญาณรายละ 10,000 บาทมาก่อน และหากสอบไม่ได้ก็จะคืนเงินให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นที่บ้านพักพบเงินของกลางจำนวนกว่า 10 ล้านบาทดังกล่าว
ส่วนนายธนกร และภรรยา เป็นผู้นำอุปกรณ์รับสัญญาณมาแจกจ่ายผู้เข้าสอบและสาธิตวิธีใช้งาน ส่วนนายปัญญาศักดิ์ และนายสมชาย เป็นคนขับรถตู้พาผู้เข้าสอบมาตามหน่วยสอบต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา และทำการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ขณะที่ผู้สมัครสอบแข่งขันรายหนึ่ง อายุ 25 ปี ชาว จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า เป็นลูกชาวนา ผู้ปกครองเป็นคนติดต่อกับขบวนการดังกล่าว โดยจ่ายเงินไปทั้งหมดแล้ว และได้บอกตนว่าให้ตั้งใจทำข้อสอบเพราะจ่ายเงินให้เขาไปแล้ว ซึ่งก็ไม่ทราบว่าพ่อแม่ไปเอาเงินมาจากไหน อาจจะกู้ยืมมาหรือนำที่นาไปจำนองก็ไม่ทราบ ซึ่งหลังจากตนทำข้อสอบเสร็จแล้วขณะเดินออกจากห้องสอบก็ถูกจับกุมตัวดังกล่าว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับกุมผู้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนปลอมมาเข้าสอบรับราชการตำรวจแทนบุคคลอื่น คือ นายสิรภพ ทองรับแก้ว อายุ 19 ปี ชาวกรุงเทพฯ ทำบัตรประชาชนปลอม โดยมีหมายเลขบัตร ที่อยู่ ชื่อเป็นของ นายภาคภูมิ เสริมสวย แต่รูปใบหน้าเป็นของตัวเองเพื่อนำมาเข้าสอบแทนนายภาคภูมิ ที่โรงเรียนเทศบาล 1 เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ปลอมและใช้บัตรประจำตัวประชาชนปลอม”
