พะเยา - เตือนซ้ำ ผู้นำชุมชนจัด “โคโยตี้” งานวัด-งานบุญ ไม่เหมาะสมกระทบศรัทธา หลังพบวัดแห่งหนึ่งฝ่าฝืนเปิดเวทีจัดแสดงโจ๋งครึ่ม ล่าสุดถูกจังหวัดฯ สอบแล้ว ทำเจ้าอาวาสเครียดต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วหลายรอบ บี้ราชการเอาผิด “ผู้นำ” ที่ฝ่าฝืนให้ถึงที่สุด ย้ำแค่ภาคทัณฑ์ยังเบา ต้องมีบทลงโทษให้ชัดเจน
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง กล่าวว่า ได้ทราบว่าขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดพะเยามีผู้นำหมู่บ้านหรือชุมชน นำการแสดงนุ่งน้อยห่มน้อย ลามก หรือเข้าข่ายโคโยตี้ ซึ่งไม่เหมาะสมมาจัดแสดงในงานวัดหรืองานบุญต่างๆ ในเขตธรณีสงฆ์ ตรงนี้ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะงานฉลองสมณศักดิ์พัดยศของพระเถรานุเถระต่างๆ พุทธศาสนิกชนย่อมต้องร่วมกันตระหนักในความสำคัญที่ได้รับพระราชทานมา การเฉลิมฉลองสิ่งของพระราชทานต้องงดเว้นการแสดงมหรสพที่ไม่เหมาะสม เพราะอาจจะเสมือนการหมิ่นเบื้องสูง รวมถึงกระทบต่อภาพลักษณ์ของพระสงฆ์และศาสนสถานแห่งนั้นให้ได้รับความมัวหมอง ประชาชนจะลดความเลื่อมใสศรัทธาลง
รองประธานสภาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับบุคคลที่คิดและนำการแสดงดังกล่าวมาจัดในงานบุญและงานวัด ถ้าหากเป็นผู้นำต้องพิจารณาโทษให้หนัก เพราะผู้นำต้องมีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ ไม่ใช่ลุ่มหลงในสิ่งที่เป็นอบายมุข และมอมเมาประชาชนด้วยการแสดงที่ไม่ดีงามต่อพระพุทธศาสนา นอกจากกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธศาสนาแล้ว ยังกระทบถึงจิตใจประชาชนที่ไม่ยอมรับการแสดงเหล่านี้
ทั้งนี้ อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายออกมาช่วยกันรณรงค์ต่อต้านการแสดงมหรสพที่ไม่เหมาะสมในงานวัดและงานบุญทั้งหมด ไม่ควรปล่อยให้องค์กรพระสงฆ์เคลื่อนไหวเพียงลำพัง ทุกฝ่ายต้องช่วยกันปกป้องดูแลพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระพุทธศาสนาด้วย
ด้านนางสาวอรุณี ชำนาญยา ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก สตรี เยาวชน และผู้สูงอายุ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากที่ทราบมาว่าทางมหาเถรสมาคมได้มีข้อกฎหมายห้ามไม่ให้มีการแสดงไม่เหมาะสมในงานวัดหรืองานบุญ โดยเฉพาะในเขตธรณีสงฆ์ หรือเขตพื้นที่ของวัด ตรงนี้ในส่วนขององค์กรพระสงฆ์ ตนคิดว่าท่านได้มีแนวทางในการดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบตามขั้นตอนในกรอบของกฎหมายมหาเถรสมาคม
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เช่น ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ก็ต้องปฏิบัติเข้มงวดอย่างจริงจัง เพราะหากยังละเลยหรือปล่อยให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตธรณีสงฆ์ ผลเสียที่เกิดตามมาจะอันตรายต่อพระพุทธศาสนา และสังคมอย่างมาก
น.ส.อรุณีกล่าวต่อว่า ในพื้นที่จังหวัดพะเยานั้นได้รับการแจ้งมาโดยตรงจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดมหรสพไม่เหมาะสม หรือโคโยตี้ในงานวัดในพื้นที่แห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา ตรงนี้ทราบว่าขณะนี้ทางจังหวัดได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ถึงกับส่งผลกระทบ ทำให้เจ้าอาวาสผู้ปกครองวัดเครียดจนอาพาธเข้านอนโรงพยาบาลหลายครั้ง
ส่วนผู้นำที่นำการแสดงดังกล่าวมานั้น ฝ่ายปกครองลงโทษเพียงการภาคทัณฑ์ หรือเป็นการตักเตือน แต่ไม่ใช่การลงโทษที่เห็นผลชัดเจน เพราะการกระทำดังกล่าวมองไปแล้วคือการทำลายพระพุทธศาสนาโดยอ้อม ด้วยการนำการแสดงยั่วยุในเขตธรณีสงฆ์ หากผู้ใดพบเห็นและไม่เข้าไปทำบุญในวัด อาจจะส่งผลให้วัดไม่ได้รับการส่งเสริมหรือพัฒนา ตรงนี้ผู้นำและส่วนราชการทุกภาคต้องร่วมกันรับผิดชอบ
“โดยส่วนตัวอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีกฎหมายอยู่ในมือ ร่วมสกัดกั้นไม่ให้การแสดงโคโยตี้ในงานวัดและงานบุญเกิดขึ้นได้อีก เช่น ทางตำรวจ ก็อาจจะต้องใช้กฎหมายเรื่องเหล้าที่บังคับใช้นำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง การงดเหล้าในงานวัด เพราะเหล้าคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาไม่เหมาะสมต่างๆ ได้มากมาย อีกทั้งถ้าหากให้องค์กรทางพระสงฆ์รับเมืองเพียงฝ่ายเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ภาคสังคม ท้องถิ่น และราชการก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันสกัดกั้น พร้อมทั้งรณรงค์ทุกพื้นที่ไม่ให้มีโคโยตี้ในงานวัดและงานบุญด้วย” ปธ.กมธ.สตรีฯ กล่าว
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง กล่าวว่า ได้ทราบว่าขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดพะเยามีผู้นำหมู่บ้านหรือชุมชน นำการแสดงนุ่งน้อยห่มน้อย ลามก หรือเข้าข่ายโคโยตี้ ซึ่งไม่เหมาะสมมาจัดแสดงในงานวัดหรืองานบุญต่างๆ ในเขตธรณีสงฆ์ ตรงนี้ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะงานฉลองสมณศักดิ์พัดยศของพระเถรานุเถระต่างๆ พุทธศาสนิกชนย่อมต้องร่วมกันตระหนักในความสำคัญที่ได้รับพระราชทานมา การเฉลิมฉลองสิ่งของพระราชทานต้องงดเว้นการแสดงมหรสพที่ไม่เหมาะสม เพราะอาจจะเสมือนการหมิ่นเบื้องสูง รวมถึงกระทบต่อภาพลักษณ์ของพระสงฆ์และศาสนสถานแห่งนั้นให้ได้รับความมัวหมอง ประชาชนจะลดความเลื่อมใสศรัทธาลง
รองประธานสภาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับบุคคลที่คิดและนำการแสดงดังกล่าวมาจัดในงานบุญและงานวัด ถ้าหากเป็นผู้นำต้องพิจารณาโทษให้หนัก เพราะผู้นำต้องมีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ ไม่ใช่ลุ่มหลงในสิ่งที่เป็นอบายมุข และมอมเมาประชาชนด้วยการแสดงที่ไม่ดีงามต่อพระพุทธศาสนา นอกจากกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธศาสนาแล้ว ยังกระทบถึงจิตใจประชาชนที่ไม่ยอมรับการแสดงเหล่านี้
ทั้งนี้ อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายออกมาช่วยกันรณรงค์ต่อต้านการแสดงมหรสพที่ไม่เหมาะสมในงานวัดและงานบุญทั้งหมด ไม่ควรปล่อยให้องค์กรพระสงฆ์เคลื่อนไหวเพียงลำพัง ทุกฝ่ายต้องช่วยกันปกป้องดูแลพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และพระพุทธศาสนาด้วย
ด้านนางสาวอรุณี ชำนาญยา ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก สตรี เยาวชน และผู้สูงอายุ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากที่ทราบมาว่าทางมหาเถรสมาคมได้มีข้อกฎหมายห้ามไม่ให้มีการแสดงไม่เหมาะสมในงานวัดหรืองานบุญ โดยเฉพาะในเขตธรณีสงฆ์ หรือเขตพื้นที่ของวัด ตรงนี้ในส่วนขององค์กรพระสงฆ์ ตนคิดว่าท่านได้มีแนวทางในการดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบตามขั้นตอนในกรอบของกฎหมายมหาเถรสมาคม
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เช่น ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ก็ต้องปฏิบัติเข้มงวดอย่างจริงจัง เพราะหากยังละเลยหรือปล่อยให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตธรณีสงฆ์ ผลเสียที่เกิดตามมาจะอันตรายต่อพระพุทธศาสนา และสังคมอย่างมาก
น.ส.อรุณีกล่าวต่อว่า ในพื้นที่จังหวัดพะเยานั้นได้รับการแจ้งมาโดยตรงจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดมหรสพไม่เหมาะสม หรือโคโยตี้ในงานวัดในพื้นที่แห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา ตรงนี้ทราบว่าขณะนี้ทางจังหวัดได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ถึงกับส่งผลกระทบ ทำให้เจ้าอาวาสผู้ปกครองวัดเครียดจนอาพาธเข้านอนโรงพยาบาลหลายครั้ง
ส่วนผู้นำที่นำการแสดงดังกล่าวมานั้น ฝ่ายปกครองลงโทษเพียงการภาคทัณฑ์ หรือเป็นการตักเตือน แต่ไม่ใช่การลงโทษที่เห็นผลชัดเจน เพราะการกระทำดังกล่าวมองไปแล้วคือการทำลายพระพุทธศาสนาโดยอ้อม ด้วยการนำการแสดงยั่วยุในเขตธรณีสงฆ์ หากผู้ใดพบเห็นและไม่เข้าไปทำบุญในวัด อาจจะส่งผลให้วัดไม่ได้รับการส่งเสริมหรือพัฒนา ตรงนี้ผู้นำและส่วนราชการทุกภาคต้องร่วมกันรับผิดชอบ
“โดยส่วนตัวอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีกฎหมายอยู่ในมือ ร่วมสกัดกั้นไม่ให้การแสดงโคโยตี้ในงานวัดและงานบุญเกิดขึ้นได้อีก เช่น ทางตำรวจ ก็อาจจะต้องใช้กฎหมายเรื่องเหล้าที่บังคับใช้นำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง การงดเหล้าในงานวัด เพราะเหล้าคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาไม่เหมาะสมต่างๆ ได้มากมาย อีกทั้งถ้าหากให้องค์กรทางพระสงฆ์รับเมืองเพียงฝ่ายเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ภาคสังคม ท้องถิ่น และราชการก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันสกัดกั้น พร้อมทั้งรณรงค์ทุกพื้นที่ไม่ให้มีโคโยตี้ในงานวัดและงานบุญด้วย” ปธ.กมธ.สตรีฯ กล่าว
