xs
xsm
sm
md
lg

3 โจรขับเก๋งชิงเงินล้านลุงวัย 69 คาลานจอดไทยพาณิชย์ สาขากาญจน์ฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - 3 คนร้ายขับรถเก๋งบุกชิงทรัพย์ลุงวัย 69 ปีในบริเวณลานจอดรถแบงก์ไทยพาณิชย์ สาขากาญจนบุรี ได้เงินสดไปกว่า 1 ล้านบาท เผยเพิ่งขายที่ดินได้เงินมากว่า 10 ล้านบาท ก่อนแบ่งกันกับพี่น้องเหลือคนละกว่า 2 ล้านบาท

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) พ.ต.ท.บัญญัติ ไชโกฎิ พงส.สบ.2 สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากนายสุธรรม มณีวงศ์ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 1 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ว่า ถูกคนร้าย 3 คนขับรถยนต์เก๋งทำทีเข้ามาพูดคุยด้วย ก่อนอาศัยทีเผลอชิงเงินสดที่เก็บไว้ภายในรถยนต์ซีอาร์วีได้เงินสดไปกว่า 1 ล้านบาท ก่อนขับรถยนต์เก๋งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดที่บริเวณลานจอดรถยนต์ด้านหลังธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาจังหวัดกาญจนบุรี

หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งประสานไปยังศูนย์วิทยุเมืองกาญจนบุรีแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันสกัดจับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโฟล์ค รุ่น vento cL หมายเลขทะเบียน 9ษ 2591 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์ต้องสงสัยของผู้ก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่พบคนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณท่ารถยนต์ตู้โดยสารสายกาญจนบุรี-สังขละบุรี จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.ชุมพล เฉลิมวิบูลย์ นักวิทยาศาตร์ (สบ.2) เจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปตรวจสอบหารอยนิ้วมือแฝงที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย

นายสุธรรม มณีวงศ์ ผู้เสียหาย ให้การต่อเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตกใจว่า ตนและครอบครัวขายที่ดินได้เงินมากว่า 10 ล้านบาท จากนั้นได้แบ่งกันกับญาติพี่น้องโดยได้เงินคนละกว่า 2,670,000 บาท และทุกคนได้ไปเบิกเงินสดพร้อมกันที่ธนาคารกสิกรไทย สาขากาญจนบุรี หลังจากเบิกเงินเสร็จแล้ว ตนพร้อมด้วยนายพรชัย มณีวงศ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/241 หมู่ 1 ต.บางกระสัน อ.บางปะอินทร์ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นน้องชายที่ได้เงินส่วนแบ่งจากการขายที่ดินในครั้งนี้ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ษข 1931 กทม.นำเงินสดจำนวนดังกล่าวจากธนาคารกสิกรไทย สาขากาญจนบุรี เพื่อนำไปฝากที่ธนาคารไทยพาณิชย์

เมื่อมาถึงน้องชายได้ขับรถยนต์ไปจอดบริเวณลานจอดรถด้านหลังธนาคาร จากนั้นน้องชายได้นำเงินในส่วนที่ได้ขึ้นไปบนธนาคารเพื่อไปทำธุรกรรมทางการเงิน ส่วนตนได้นำเงินทั้งหมดเก็บไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาลบรรจุเอาไว้ในถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง และวางซุกไว้บริเวณใต้เบาะนั่งด้านหน้าตรงคันเกียร์ ซึ่งตนได้นั่งเฝ้าอยู่เพียงลำพังคนเดียว

ขณะที่ตนนั่งเฝ้าเงินอยู่จึงลงจากรถเพื่อออกไปสูบบุหรี่โดยไม่ได้ล็อกประตูรถยนต์เอาไว้ ไม่นานนักก็มีชายฉกรรจ์จำนวน 3 คนขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโฟล์ค สีน้ำเงินเข้ามาที่ลานจอดรถของธนาคารและกลับรถยนต์หันหน้าไปทางถนน จากนั้นมีชายจำนวน 2 คนเดินลงจากรถและตรงมาหาตนที่กำลังสูบบุหรี่ และได้ตรงมาพูดคุยเกี่ยวกับพระเครื่องทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจากนั้นชายฉกรรจ์ 1 ใน 2 ได้อาศัยขณะที่ตนเผลอเดินไปเปิดประตูรถยนต์ของตนและพยายามยื่นมือไปหยิบถุงเงินสดที่วางไว้ภายในรถ เมื่อตนเห็นจึงได้วิ่งเข้าไปยื้อแย่งเอาไว้ แต่เนื่องจากตนมีอายุมากแล้วจึงไม่มีแรงที่จะสู้ไหว โดยคนร้ายสามารถเอาเงินสดไปได้ทั้งหมด 1,170,000 บาท และขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเงินที่เหลือจำนวน 1,500,000 บาทตกอยู่ภายในรถยนต์ โดยหลังเกิดเหตุตนตกใจมาก และเห็นยามธนาคารยืนอยู่ด้านหน้าจึงรีบไปขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถติดตามคนร้ายได้ทัน และตนได้รีบไปบอกน้องชายที่อยู่บนธนาคารทราบ ก่อนที่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยุสกัดจับคนร้ายแต่ก็ยังไร้วี่แววของคนร้าย

ด้านนายพรชัย มณีวงศ์ น้องชาย เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนและพี่ชายได้นำเช็คเงินสดจากการขายที่ดินใน ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ที่ได้กว่า 10 ล้านบาท ไปขึ้นเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาอำเภอท่าม่วง แต่ทางธนาคารบอกว่ามีเงินไม่พอจึงไปขึ้นที่ธนาคารกสิกรไทย สาขากาญจนบุรี อ.เมืองกาญจนบุรี โดยแบ่งเงินกัน 4 พี่น้องได้คนละ 2 ล้าน 6 แสน 7 หมื่นบาท จากนั้นตนได้ขับรถมายังธนาคารไทยพาณิชย์ สาขากาญจนบุรี เพื่อนำเงินในส่วนของตนไปฝากธนาคาร โดยปล่อยให้นายสุธรรม พี่ชายนั่งรออยู่ที่รถคนเดียว จนกระทั่งพี่ชายวิ่งมาบอกว่าถูกคนร้ายชิงเงินไปจำนวน 1.17 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่าบริเวณลานจอดรถยนต์ด้านหลังไม่มีการติดกล้องวงจรปิดเอาไว้รวมทั้งบริเวณด้านหน้าธนาคารกล้องวงจรปิดจับภาพได้เฉพาะบริเวณบันใดทางขึ้นธนาคารเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานไปยังผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยเพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่านายสุธรรม มณีวงศ์ ผู้เสียหายได้เดินทางมาเบิกเงินในเวลา 11.30 น.หลังจากเบิกเงินเสร็จก็ได้เดินออกจากธนาคารไปกับน้องชาย โดยจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ไม่พบบุคคลต้องสงสัยและรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุแต่อย่างใด

ในส่วนรถยนต์เก๋งต้องสงสัยนั้นถูกจอดทิ้งไว้ที่บริเวณริมถนนด้านหน้าสำนักงานขายตั๋วรถยนต์ตู้โดยสารสายกาญจนบุรี-สังขละบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้หารอยนิ้วมือแฝงไปตรวจสอบว่าเป็นของคนร้ายหรือไม่ และจากการสอบถามไม่มีใครทราบว่ารถยนต์เก๋งคันดังกล่าวเป็นของใครเจ้าหน้าที่จึงได้นำไปเก็บไว้ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยัง สภ.ไทรโยค เพื่อตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อตรวจค้นรถยนต์ตู้โดยสารที่วิ่งไปยังอำเภอสังขละบุรีด้วย แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับผู้ต้องหาได้ แต่คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 3 คนน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะรู้ตัวผู้ก่อเหตุภายในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

ด้าน พล.ต.ต.โชต วีรเดชกำแหง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับรายงานได้สั่งการให้ตำรวจกระจายกันตรวจสอบรถเก๋งโฟล์คตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูล จนกระทั่งพบรถเก๋งโฟล์ค สีน้ำเงิน ทะเบียน 9ษ 2591 กทม. จอดอยู่หน้าสถานีรถตู้โดยสารสายกาญจนบุรี-สังขละบุรี บริเวณสถานีขนส่งโดยสารกาญจนบุรี ต.บ้านเหนือ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรีห่างจากธนาคารไทยพาณิชย์ที่คนร้ายก่อเหตุราว 2 กม.โดยพบว่าเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ และประตูไม่ได้ปิดล็อก สอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าวให้การว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจจะมาถึงรถคันดังกล่าวขับเข้ามาจอดและมีชาย 2 คนลงจากรถวิ่งไปที่สถานีอย่างรีบร้อน เชื่อว่าเป็นรถที่ก่อเหตุจึงทำการตรวจยึดเอาไว้

เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายต้องรู้ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายทั้งสองเป็นอย่างดี รู้ว่าจะมาเบิกเงินจากการขายที่ดินหลายล้านบาท ซึ่งได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี ประสาน สภ.เมืองกาญจนบุรีเพื่อคลี่คลายคดีนี้ต่อไปอย่างเร่งด่วนแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น