กาฬสินธุ์ - ชาวตำบลกลางหมื่น อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จุดบั้งไฟโบราณที่ทำจากไม้ไผ่กว่า 100 บั้ง เผยเป็นภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ด้านชาวบ้านเชื่อเป็นพิธีกรรมบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเริ่มฤดูกาลทำนาปฏิบัติสืบทอดมาอย่างยาวนานกว่าร้อยปี
วันนี้ (27พ.ค.) ที่บ้านเหล่ากลาง ตำบลกลางหมื่น อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ชาวบ้านในตำบลกลางหมื่นทั้ง 12 หมู่บ้านได้ร่วมกันจัดงานประเพณีจุดบั้งไฟโบราณบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปี 2555 ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมกันประดิษฐ์บั้งไฟที่จะต้องทำจากกระบอกไม้ไผ่มาร่วมจุดก่อนฤดูกาลทำนา โดยมีนายสุรทิน ศรีธเรศ ตัวแทนนางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน และจุดบั้งไฟ มีชุมชนและตัวแทนหมู่บ้านนำบั้งไฟเข้าร่วมจุดกว่า 100 บั้ง
นายสุรทิน ศรีธเรศ กล่าวว่า ประเพณีบั้งไฟของชาวตำบลกลางหมื่นเป็นประเพณีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างจากประเพณีบุญบั้งไฟของพื้นที่อื่น เริ่มตั้งแต่การประดิษฐ์บั้งไฟ ที่ตัวแทนชาวบ้านจะนำมาจุดจะต้องทำมาจากเลาหรือกระบอกไม่ไผ่ขนาดไม่เกิน 50 เซนติเมตร และห้ามมีสิ่งหรือวัสดุอื่นใดปลอมแปลง นอกจากนี้ ชาวบ้านที่นี่ยังมีความสามัคคีอย่างมากในการจัดพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการจุดบั้งไฟโบราณเพราะเป็นความเชื่อของคนในชุมชน ปัจจุบันยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้อย่างดี ทุกคนถือว่าบั้งไฟโบราณเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ และจะต้องอนุรักษ์สืบสานการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยบั้งไฟโบราณให้คงอยู่ต่อไป สื่อให้เห็นถึงความสามัคคีในชุมชน
ด้านนายสุรเดช เคราะห์ดี ปราชญ์และผู้อาวุโสตำบลกลางหมื่น กล่าวว่า ตำบลกลางหมื่นถือเป็นต้นกำเนิดของเมืองกาฬสินธุ์ นับตั้งแต่การอพยพของประชาชนจากเวียงจันทน์ 5,000 ครัวเรือนมาอาศัยและปักหลักในพื้นที่แห่งนี้ จึงถือว่าบริเวณแห่งนี้เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติที่สำคัญ ซึ่งในพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านจะมุ่งเน้นถึงความจริงใจและความเคารพนับถือต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในหมู่บ้าน และหัวไร่ปลายนา
การทำบั้งไฟโบราณจะใช้กระบอกไม้ไผ่ที่มีขนาดไม่เกิน 50 ซม. ไม่มีการพนันเดิมพันแต่เป็นการเสี่ยงทาย เพียงแต่ถ้าใครหรือชุมชนใดที่จุดบั้งไฟไปได้ไกล และขึ้นสูงก็หมายถึงว่าหมู่บ้านนั้นชาวบ้านจะอยู่ดีมีสุข ปราศจากทุกข์ ทำนาได้ผลผลิตดี ซึ่งบางครอบครัวถือเอาเป็นการเสี่ยงทายการทำนาสืบทอดพิธีกรรมยาวนานมากว่า 200 ปี
