ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตำรวจภาค 3 ร่วม “ตม.” และตำรวจโคราช บุกทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ รวบผู้ต้องหาชาวจีนแผ่นดินใหญ่ 9 คน เปิดห้องเช่าเป็นฐานปฏิบัติการตุ๋นกลางเมืองโคราช พบติดตั้งคอมพิวเตอร์อื้อหลอกเหยื่อผ่านระบบออนไลน์ คาดเหยื่อเป็นชาวจีน เชื่อคนไทยมีเอี่ยวช่วยเหลือ เตรียมประสานสถานทูตจีนสอบประวัติโดยละเอียด ด้านตำรวจ ตม.ระบุติดตามพฤติกรรมแก๊งนี้มานาน คาดวงเงินหลอกลวงเหยื่อไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน
วันนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนกองกำกับการบริการคนต่างด้าว กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 และ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันบุกตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 1103 หมู่ 1 บุญวัฒนาซอย 7 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา
จับกุมชาวจีนแผ่นดินใหญ่รวม 9 คน เป็นชาย 6 คน หญิงอีก 3 คน ประกอบด้วย 1. นายจาง เจี่ยวเฉิน (Mr.ZHANG XIASHENG) อายุ 31 ปี 2. นายจาง ต้าเจ (Mr.ZHANG DAJIE) 3. นายจาง จื่อเฉียน 4. น.ส.จาง ฉุนมิน 5. น.ส.เฉ่ย เฉียวยิง 6. นายยู จุนชง (Mr.YU JUNG QINOG) 7. นายลี จื่อฉาย (Mr.LI XICASI) 8. นายเจิง ซีฮวง (Mr.ZHENG XIHUANG) 9. Ms.XIE XIAOPING ทั้งหมดอาศัยอยู่ในเมืองกว่างตง สาธารณรัฐประชาชนจีน
พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์ 9 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ชุดหูฟัง ไมโครโฟน โทรศัพท์มือถือ 101 เครื่อง ซึ่งมีพฤติกรรมเชื่อได้ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่เข้ามาเช่าบ้านพักประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายใน จ.นครราชสีมา
พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ซึ่งได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่าแก๊งนี้ นายจาง เจี่ยว เฉิน เป็นหัวหน้าแก๊งคอยสั่งการ และประสานพูดคุยกับลูกค้า โดยการดำเนินการเป็นลักษณะเดียวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วไป ซึ่งคาดว่ากลุ่มลูกค้าที่ถูกหลอกน่าจะเป็นชาวจีน เนื่องจากมีการสื่อสารผ่านระบบ Internet หรือระบบออนไลน์ด้วยภาษาจีนเท่านั้น
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าชาวจีนทั้ง 9 คนมีพาสปอร์ตเข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย และระบุว่าเป็นนักท่องเที่ยวและนักศึกษา ภายในบ้านเช่ามีการกักตุนเสบียงอาหารไว้จำนวนมาก รวมถึงเครื่องปั่นไฟขนาด 220 โวลต์ไว้ด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์จะเข้าตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ชาวจีนทั้ง 9 คนใช้ติดต่อสื่อสารหลอกลวงผู้อื่น พร้อมกันนี้ จะประสานสถานทูตจีนประจำประเทศไทยในการตรวจสอบประวัติว่ามีการก่อคดีในประเทศจีนหรือไม่ เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาเข้าเมืองถูกกฎหมายแต่ประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนจะมีคนไทยเข้าร่วมเครือข่ายนี้ด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ท.ภาณุกล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบ เชื่อว่าการเดินทางมาถึงจังหวัดนครราชสีมาได้ขนาดนี้จะต้องมีคนไทยร่วมขบวนการด้วย เนื่องจากชาวจีนทั้งหมดพูดภาษาไทยไม่ได้เลย สื่อสารไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นต้องมีคนไทยให้ความร่วมมือแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.พิชิต อิทธิปาทชัย ผู้กำกับการกองกำกับการบริการคนต่างด้าว กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 กล่าวว่า ชุดสืบสวนได้ทำการติดตามพฤติกรรมแก๊งนี้มานาน จนทราบว่ามาเช่าห้องพักของ นายคลังแสง ประเสริฐสรรค์ อายุ 30 ปี 2 ห้องในราคา 7,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลานานร่วม 3 เดือนแล้ว และภายในห้องพักมีการติดตั้งคอมพิวเตอร์และระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไว้ติดต่อสื่อสารตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีการกักตุนอาหารไว้ในตู้เย็นจำนวนมาก พร้อมเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าหากเกิดกรณีไฟดับ จากการสอบถามพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่นอน ส่วนวงเงินในการหลอกลวงลูกค้าคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการสอบปากคำนายจาง เจี่ยวเฉิน (Mr.ZHANG XIASHENG) หัวหน้าแก๊ง ให้การอ้างว่า พวกตนดำเนินกิจการติดต่อซื้อขายผลไม้ผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น และที่เลือกจังหวัดนครราชสีมาเพราะลงทุนน้อย มีค่าใช้จ่ายในการเช่าห้องพักต่ำ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ให้ทดลองทำการขายผ่านระบบออนไลน์ให้ดูกลับทำไม่ได้ตามที่ให้การ ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบระบบการสื่อสารโดยละเอียดเพื่อทราบข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป หากการดำเนินคดีเสร็จสิ้น และไม่มีผู้เสียหายในประเทศไทยมาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม ก็จะทำการผลักดันชาวต่างชาติทั้ง 9 คนกลับประเทศต่อไป