พิจิตร - พ่อค้าแม่ค้าร้านข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว และอาหารตามสั่งต่างปรับราคาขึ้นเป็นจานละ 35-40 บาทเนื่องจากของแพงขึ้นเท่าตัว วอนรัฐบาลควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคแบบจริงจังก่อนจะมากำหนดควบคุมราคาอาหาร
วันนี้ (13 พ.ค.) นายสุรพล นมรักษ์ อายุ 43 ปี พ่อค้าร้านขายข้าวแกง ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบึงสีไฟ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลจะประกาศควบคุมราคาข้าวแกง 10 เมนูหลัก โดยจะให้ขายในราคาไม่เกินจานละ 20-35 บาท เป็นการสวนทางกับความเป็นจริงในสภาวะเศรษฐกิจสินค้าทุกชนิดที่แพงขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบในการผลิตข้าวแกงขายปรับขึ้นราคามาก่อนหน้านี้แล้วเกือบเท่าตัว
เช่น ถั่วฝักยาว จากเดิมกิโลกรัมละ 40 บาท ขณะนี้ขึ้นราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท พริกสดจากเดิม 20-30 บาทขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 70-80 บาท พริกขี้หนูกิโลกรัมละ 70 บาท ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 100 บาท เนื้อวัวจากเดิมกิโลกรัมละ 210 บาท ปรับขึ้นราคาเป็นกิโลกรัมละ 280 บาท รวมทั้งหมูเนื้อแดง จากเดิมกิโลกรัมละ 120-130 บาท ปรับขึ้นมากิโลกรัมละ 160 บาท รวมทั้งน้ำมันพืช และก๊าซหุงต้ม ที่ทุกอย่างต่างปรับราคาขึ้นแทบทั้งสิ้น
จนทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งแกงถุง ข้าวแกง อาหารตามสั่ง ที่บริเวณตลาดสดเทศบาลสองของจังหวัดพิจิตร จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาข้าวแกงเป็นจานละ 35-40 บาทเนื่องจากทนสภาพของวัตถุดิบที่ราคาแพงไม่ไหว เนื่องจากยิ่งขายก็ยิ่งขาดทุน หากต้องลดปริมาณอาหารลงก็เกรงว่าจะเสียลูกค้า
นายสุรพลบอกว่า การที่รัฐบาลจะใช้มาตรการควบคุมราคาของร้านข้าวแกง หรือร้านอาหารตามสั่งให้ขายในราคาเพียงจานละ 25-30 บาทนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าหากมีวัตถุดิบต้นทุนต่ำก็จะสามารถขายถูกได้ แต่ถ้าตราบใดที่สินค้าอุปโภค-บริโภค ยังขึ้นราคาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายก็ไม่อาจขายตามราคาที่รัฐบาลกำหนดได้