ชี้ “นะคะมวย” ขี้กลัว-ขี้ระแวง ยันชายแดนตากไม่ใช่แหล่งผลิต แต่เคยเป็นทางผ่าน

พิษณุโลก - โฆษก ทภ.3 ระบุ “นะคะมวย” ไม่ใช่คนดุดัน แถมขี้กลัว-ขี้ระแวง มั่นใจกองกำลังกะเหรี่ยงโกะทูบลอที่ดูแลอยู่ตรงข้ามชายแดนตากไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด แต่อดีตเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือลงมายุคปี 46-47

วันนี้ (11 พ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พ.อ.เทิดศักดิ์ งามสนอง ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวกรณี พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองกำลังกะเหรี่ยงโกะทูบลอ (KAO) ว่า กองทัพภาคที่ 3 มีข้อมูลการสกัดกั้นยาเสพติดแนวชายแดนไทย-พม่า ซึ่งกองกำลังนเรศวรดูแลอยู่ แต่ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานทางคดีกรณี พล.ต.นะคะมวยเข้าไปเกี่ยวข้อง

พ.อ.เทิดศักดิ์บอกว่า ปกติการติดต่อระหว่างชนกลุ่มน้อยกับทหารไทยตามแนวชายแดนนั้นจะพบปะกันในรูปแบบคณะกรรมการร่วมชายแดน และพูดคุยระหว่างฐานของทหารไทยกับทหารพม่าเท่านั้น แต่สำหรับทหารของชนกลุ่มน้อยนั้น ตามตะเข็บชายแดนทหารไทยไม่จำเป็นต้องข้ามไป ทหารไทยดูแลในฝั่งไทยเท่านั้น แต่มีประชาชนทั้งฝั่งไทย-พม่าเดินข้ามไปมาหาสู่กันตามวิถีชีวิตอยู่ตลอด

ถามว่า พล.ต.นะคะมวยมีกองกำลังติดอาวุธจำนวนเท่าใดนั้น พ.อ.เทิดศักดิ์บอกว่าตอบไม่ได้ ส่วนรายได้ของกองกำลังกะเหรี่ยงโกะทูบลอนั้นมาจากการเก็บภาษีทรัพยากรเหมืองแร่ในฝั่งพม่า และเก็บภาษีของที่ดินและพืชผลการเกษตรจากชนกลุ่มน้อยในพม่าของเขาเอง เพื่อใช้เป็นรายได้เลี้ยงชีพของชนกลุ่มน้อยที่ดูแลอยู่ โดยทหารของกองกำลังกะเหรี่ยงโกะทูบลอที่มี พล.ต.นะคะมวยเป็นผู้นำจะเป็นคนเก็บภาษีเองทั้งหมด เพราะรัฐบาลพม่าไม่สามารถเข้าไปถึงเนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกล

พ.อ.เทิดศักดิ์บอกอีกว่า เดิมทีเราจะทราบว่า มีกองกำลังกะเหรี่ยงคริสต์และกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ หรือ DKBA กระทั่งเร็วๆ นี้ชนกลุ่มน้อยได้มีการเจรจาสงบศึกกับรัฐบาลพม่า ดูเหมือนกับว่าต้องการให้เปิดกว้างให้ชนชาติกะเหรี่ยงเท่าเทียมกันและรวมกลุ่มกันได้ จนเรียกว่า “โกะทูบลอ” (KAO) ทำให้ปัจจุบันสถานการณ์สู้รบ ลักษณะปะทะกันระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับชนกลุ่มน้อยลดลงไปกว่า 80%

พ.อ.เทิดศักดิ์กล่าวอีกว่า จากข้อมูลกองทัพภาคที่ 3 ที่สามารถสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือสู่ประเทศไทยในยุคปี 46-47 นั้นรุนแรงมาก มีการทะลักของยาเสพติดจากชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย กระทั่งทหารกองทัพภาคที่ 3 สกัดกั้นเข้มข้น ทำให้ขบวนการค้ายาเปลี่ยนเส้นทางไปฝั่งตะวันตก จังหวัดตาก จากนั้นก็มีการสกัดและจับยาเสพติดได้ กระทั่งปี 51-52 การลำเลียงยาเสพติดรายใหญ่ๆ ลดลง มั่นใจว่าฝั่งตะวันตกหรือชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตากไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด แต่เป็นเส้นทางลำเลียงตามแนวชายแดนที่มีกองกำลังชนกลุ่มน้อยดูแลอยู่

ปัจจุบันสถานการณ์ยาเสพติดคงเหลือแต่ขบวนการรายเล็กๆ นับแต่ต้นปี 55 ทหารสามารถสกัดจับยาบ้าได้ระดับพันเม็ดเท่านั้น ที่ทะลุเข้ามาจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ดังนั้น ก็เชื่อว่าหมายจับ พล.ต.นะคะมวย เป็นข้อมูลเดิม ตรงกับสถานการณ์ยาเสพติดช่วงดังกล่าว ส่วนทางคดีที่จะไปเกี่ยวข้องนั้น กองทัพภาคที่ 3 ไม่ทราบ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ป.ป.ส.ที่มีหลักฐาน

พ.อ.เทิดศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า พล.ต.นะคะมวยไม่ใช่คนดุดัน อาจจะขี้กลัว จะต้องมีคนห้อมล้อมจำนวนมาก แถมเป็นคนขี้ระแวงอีกด้วย