สระแก้ว-จ.สระแก้ว สนธิกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมแรงงานต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ก่อนที่จะเดินทางไปทำงานในกรุงเทพฯ ได้จำนวนมาก
จากการสืบทราบของ นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ว่าจะมีขบวนการขนแรงงานเขมรมาพักที่เขตรอยต่อวังน้ำเย็น-คลองหาด จากนั้น จึงได้ประสานกับกองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว เพื่อสนธิกำลังจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 13 กองกำลังบูรพา ตำรวจ สภ.คลองหาด อส.อำเภอ เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 42 หมู่ 11 ต.ซับมะกรูด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
ทั้งนี้ บริเวณบ้านหลังดังกล่าวมีรั้วสังกะสีปิดล้อมไว้ พอเปิดประตูออกมาพบว่ามีแรงงานต่างด้าว (เขมร) ลักลอบเดินทางเข้ามาตามแนวชายแดนด้านอำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาด จ.สระแก้ว ผ่านเข้ามาพักแรมที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เพื่อเดินทางไปทำงานต่อที่ กทม.
ต่อมา นายชัช กิตตินภดล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ประสานกับ พ.อ.บรรยง ทองน่วม ผบ.ฉก.กรม ทพ.13 กกล.บูรพา นายธวัชชัย เกตุพันธ์ นายอำเภอคลองหาด นายเกษม สุทธิรักษ์ จัดหางานจังหวัดสระแก้ว นำกำลังทหารพราน ตำรวจ เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดสระแก้ว ประมาณ 50 นาย เข้าร่วมตรวจค้นพบแรงงานเขมรทั้งหมด 186 คน เป็นชาย 140 คน เป็นหญิง 46 คน มีทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าที่จะเข้าไปทำงานกรุงเทพฯ
สำหรับบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านของนางพิมใจ ลานอก ในขณะเจ้าหน้าที่จะเข้าปิดล้อมได้ไหวตัวหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ปล่อยทิ้งแรงงานเขมรไว้
จากการสอบสวน น.ส.ยา เต็ม อายุ 18 ปี ชาวเขมร จังหวัดพระตะบอง กล่าวว่า จะมีนายหน้าเป็นคนไทยนำรถปิกอัพมารับที่บ้านทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเสียเงินให้นายหน้าคนไทย จำนวน 1,600 บาท ถึง 2,500 บาทต่อคน ซึ่งจะพักที่บ้านหลังนี้ประมาณ 2 วัน จากนั้น จะมีรถรับปิกอัพเข้ามารับไปทำงานที่ชลบุรี และกรุงเทพฯ ต่อไป
ด้านนายชัช กิตตินภดล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้เดินทางมาตรวจการจับกุมแรงงานเขมรพื้นที่อำเภอคลองหาด พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เนื่องจากรัฐบาลให้ตรวจสอบว่าแรงงานเขมรจะเดินทางเข้ามาทำงานในจังหวัดชลบุรี และกรุงเทพฯ นั้น ห้ามใช้จังหวัดสระแก้วเป็นทางผ่านอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นแรงงานผิดกฎหมาย จากนั้นได้มอบหมายให้กองกำลังบูรพา ตำรวจภูธร ตม.อรัญประเทศ และทหารพราน ตรวจเข้มแรงงานเหล่านี้