อุบลราชธานี - ชาวบ้าน อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี เกือบ 200 คนหอบลูกหลานเดินรณรงค์แจกเอกสารประท้วงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลไปรอบเมือง ด้านจังหวัดสั่งบริษัทบัวสมหมายไบโอแมส จำกัด หยุดขนวัสดุก่อสร้างเพื่อรอผลการศึกษาตามข้อตกลงไว้ก่อน ชาวบ้านพอใจพากันเดินทางกลับแต่ได้ร่วมประกาศเจตนารมณ์ไม่ยอมให้บริษัทลงเสาเข็มสร้างโรงไฟฟ้าใกล้ชุมชนแน่นอน
วันนี้ (25 เม.ย.) ตัวแทนชาวบ้านจาก ต.ท่าช้าง อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี ประมาณ 200 คน ได้มารวมตัวกันที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อร่วมประกาศเจตนารมณ์ไม่ให้สร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทบัวสมหมายไบโอแมส จำกัด ซึ่งใช้แกลบเป็นพลังงานสร้างความร้อน เพราะจุดก่อสร้างโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ติดชิดชุมชนเกินไปและชุมชนต้องได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองจากการเผาไหม้ รวมทั้งได้รับผลกระทบด้านเสียงจากเครื่องยนต์ของโรงงาน
โดยชาวบ้านยกตัวอย่างชาวบ้านใน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ที่บริษัทดังกล่าวไปสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้แกลบเป็นพลังงาน ปัจจุบันชาวบ้านส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจและไม่สามารถเปิดประตูหน้าต่างรับลมได้เพราะมีฝุ่นละอองปลิวอยู่ในอากาศจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านจังหวัดร้อยเอ็ดต้องทนรับกรรมมานานกว่า 10 ปี ชาวบ้านในตำบลท่าช้างทั้งหมดที่ตั้งอยู่ใกล้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ จึงไม่เห็นด้วยที่โรงไฟฟ้าจะมาตั้งอยู่ใกล้กับชุมชน
หลังร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ต่อสู้เพื่อลูกหลาน กลุ่มชาวบ้านได้เดินรณรงค์แจกเอกสารชี้แจงผลเสียของการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้ไปรอบเมือง และได้ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อนายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้สั่งบริษัทบัวสมหมายไบโอแมส จำกัด เจ้าของโครงการ หยุดการขนวัสดุก่อสร้างเข้ามาในหมู่บ้าน เพราะทำผิดข้อตกลงที่จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จนกว่าจะมีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจนเป็นที่พอใจของชาวบ้านก่อน
ต่อมานายฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์ ป้องกันจังหวัดอุบลราชธานี ลงมารับหนังสือพร้อมรับปากจะสั่งให้บริษัทบัวสมหมายไบโอแมส จำกัด เจ้าของโครงการยุติการเคลื่อนไหวใดๆ ตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้กับทางจังหวัดและชาวบ้าน
ด้านนางสดใส สร่างโศก แกนนำชาวบ้านคำสร้างไชย ซึ่งโรงไฟฟ้าจะก่อสร้างขึ้นกลางหมู่บ้านระบุว่า ชาวบ้านไม่ได้ขัดขวางความเจริญ แต่ไม่ยินยอมให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าอยู่ใกล้กับชุมชนเพราะสถานที่ก่อสร้างปัจจุบันอยู่ติดกับหมู่บ้านคำสร้างไชย และอยู่ห่างจากอีก 3 หมู่บ้านเพียง 1-2 กิโลเมตร ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านฝุ่นละอองและเสียงของเครื่องยนต์ ตามการศึกษาของมูลนิธินโยบายสุขภาวะ ชาวบ้านและลูกหลานไม่ต้องการมารับเคราะห์กรรมเหมือนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด
หากบริษัทบัวสมหมายไบโอแมส จำกัดมีธรรมาภิบาลจริง ต้องย้ายจุดสร้างให้อยู่ห่างจากชุมชนไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร แต่ที่ไม่ยอมย้ายเพราะไม่ต้องการลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่ ทำให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริหารโรงไฟฟ้าที่เอาแต่ได้ ชาวบ้านจึงไม่มั่นใจหากปล่อยให้สร้างโรงไฟฟ้า เมื่อเกิดผลกระทบจะได้รับการแก้ไขเหมือนที่เจ้าของโครงการให้สัญญาไว้ การประกาศเจตนารมณ์ของชาวบ้านครั้งนี้ คือจะไม่ยอมให้มีการลงเสาเข็มก่อสร้างโรงไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด
“เมื่อใช้กฎของบ้านเมืองมาดำเนินการไม่ได้ชาวบ้านก็พร้อมที่จะสู้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ลูกหลานรุ่นต่อไปต้องมารับกรรมครั้งนี้ด้วย” สำหรับความขัดแย้งการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลใช้แกลบเป็นพลังงานสร้างความร้อนของบริษัทบัวสมหมายไบโอแมส จำกัดกับชาวบ้าน เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2551
โดยชาวบ้านต้องการให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลผลกระทบ ไม่ใช่ให้ข้อมูลด้านดีเพียงด้านเดียว หลังจากนั้นให้มีการทำประชาคมแต่บริษัทได้อ้างผลการศึกษาที่ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาศึกษา
พร้อมได้ผ่านความเห็นชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าช้าง ทำให้เรื่องยังยืดเยื้อและต่อสู้กันเรื่อยมา โดยเมื่อปลายเดือนมีนาคมกลุ่มชาวบ้านได้ยื่นเรื่องให้ศาลปกครอง จ.อุบลราชธานีมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และศาลได้เรียกเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งชาวบ้านได้นำมาให้ศาลรับไปพิจารณาในวันนี้ด้วย