อุทัยธานี - พายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำหมู่บ้านชาวไทยอีสานในอุทัยธานี ส่งผลให้บ้านเรือนเสียหายค่อนหมู่บ้าน และมีชาวบ้านถูกต้นไม้ใหญ่ ที่ถูกแรงลมพัดโค่นทับเสียชีวิตคาที่ ขณะนั่งซ้อนจักรยานยนต์ 1 ราย
รายงานข่าวจากจังหวัดอุทัยธานี แจ้งว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (20 เม.ย.) ได้เกิดเหตุลมพายุพัดบ้านเรือนชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 17 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวไทยอีสาน จากจังหวัดหนองคาย อุดรฯ ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่อุทัยธานีมานานกว่า 30 ปี ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนถูกแรงลมพายุพัดตัวบ้าน หลังคาบ้านปลิวว่อน และฝาผนังบ้าน เสียหายจำนวน 71 หลังคาเรือน จากจำนวนบ้านทั้งหมดในหมู่บ้าน 129 หลังคาเรือน
ในจำนวนนี้ พังเสียหายทั้งหลัง และเกือบทั้งหลัง ที่ไม่สามารถซ่อมแซมและเข้าอาศัยอยู่ได้ทันที 30 หลังคาเรือน อย่างเช่น บ้านของ นายจันทรา ศรีหมอก อายุ 56 ปี เลขที่ 290/2 หมู่ 17 ต.ระบำ อ.ลานสัก ถูกลมพายุพัดจนพังลงไปกองกับพื้นเสียหายทั้งหลัง เคราะห์ดีขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่บ้านหลายหลังก็ถูกแรงลมพายุพัดฝาบ้าน ซึ่งก่อด้วยอิฐบล็อกพังเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ หลังคาบ้านปลิวหายไปทั้งแผง ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายไม่มากชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวก็ได้มาช่วยกันซ่อมแซม
ชาวบ้านหมู่บ้านนี้ บอกว่า แม้จะเคยเกิดพายุฤดูร้อนมาทุกปี แต่ครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี และจากการแรงลมพายุในครั้งนี้ ยังเกิดเหตุลมพายุพัดต้นไม้ใหญ่ล้มทับชาวบ้านที่กำลังนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์สามีที่กำลังเร่งจะเดินทางกลับบ้านขณะเกิดแรงลมในพื้นที่หมู่ที่ 17 จนเสียชีวิตคาที่ 1 ราย คือนางอำคา สิงห์ขาอาจ อายุ 54 ปี เป็นชาวบ้านบ้านร่องตาที หมู่ 6 ต.ลานสัก จ.อุทัยธานี เหตุเกิดบนถนนสายลานสัก-ห้วยขาแข้ง หมู่ที่ 17 ต.ระบำ อ.ลานสัก
เบื้องต้น ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อบต.ระบำ และเจ้าหน้าจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี ได้ช่วยกันเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดจากวาตภัยครั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป